1.ตาสามชั้นจากภูมิแพ้

ใครที่รู้ตัวแล้วว่าเรามีปัญหาตาสามชั้น เป็นภูมิแพ้ขึ้นตา แถมยังชอบขยี้ตาบ่อย ถึงเวลาหยุดทำพฤติกรรมนั้นแล้วครับ การขยี้ตาบ่อย ๆ อาจจะทำให้ผิวหนังบริเวณเปลือกตาไม่แข็งแรง แถมยังมีส่วนทำให้ไขมันรอบดวงตาหายไปจากแรงสั่นสะเทือนจากมือเรา ใครรู้สึกว่าเป็นภูมิแพ้ ตาแห้ง คันตา แนะนำให้หยอดน้ำตาเทียมแบบที่ใช่วันต่อวัน และ หลับตาทิ้งไว้หลังหยอดสัก 10 วินาทีจะรู้สึกดีขึ้นครับ

2.ชั้นตาโบ๋จากน้ำหนักที่ลดเร็ว

ไขมันเป็นสิ่งที่มีขึ้นแล้วก็มีลงครับ ตรงเปลือกตาก็เหมือนกัน ถ้ามีการลดน้ำหนักที่หักโหมเกินไป ไขมันบริเวณตัวลดลง ไขมันบริเวณหน้าก็จะหายไปตามครับ โดยเฉพาะตรงเปลือกตาจะมีไขมันที่ไม่แข็งแรงมาก

ก็จะทำให้คน ๆ นั้นหน้าดูซูบผอม ลองสังเกตคนที่ติดสารเสพติดที่ดูผอม ซูบโทรม มักจะมีตาโบ๋ ชั้นตาลึก ตาสามชั้น จากการที่น้ำหนักหายไปรวดเร็ว นั้นคือหลักการเดียวกันครับ

3.เชื้อชาติกับเบ้าตาลึก

ใครที่เบ้าตาลึกตามพันธุกรรมอันนี้อาจจะหาวิธีป้องกันยากนิดนึงครับ ด้วยการที่โครงหน้าของบางเชื้อชาติมีความชัด ลึก ดังนั้นเวลาไขมันบริเวณเปลือกตาหายไป เลยสังเกตเห็นได้ง่าย และ ชัดเจนมากกว่าคนที่มีเชื้อสายทางเอเชีย ป้องกันก็จะคงไม่ได้ วิธีแก้ปัญหาเลยสำคัญกว่าครับ แนะนำให้แพทย์เฉพาะทางตาเป็นผู้ประเมินการแก้ไข จึงจะสวยธรรมชาติที่สุด

4.ตาสามชั้นเพราะทำตาสองชั้น

อันนี้อาจจะค่อนข้างเหนือความคาดหมายครับ เพราะเราไปศัลยกรรมตาสองชั้น จะได้ตาสามชั้นกลับมาได้ยังไง คำตอบคือ “มีโอกาสครับ” อาจจะไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ แต่อีก 2-3 ปีคือมีเปอร์เซ็นเกิดปัญหาดังกล่าว เหตุเกิดจาก เวลาเราทำตาสองชั้นจะต้องมีการนำไขมันบางส่วนออก เพื่อจะสร้างชั้นตาขึ้นมา รวมกับอีก 2 เหตุ คือ 1) ไขมันเปลือกตาหายไปเรื่อย ๆ ตามอายุ และ 2) ไขมันเปลือกตาค่อนข้างอ่อนแอ ทำให้หายไปง่ายเป็นทุนเดิม นั้นคือสาเหตุเบื้องต้นของการมีตา 3 ชั้น หลังทำศัลยกรรมมานั้นเองครับ

5.ตาโบ๋จากอายุที่มากขึ้น

จากข้อที่แล้วที่บอกว่า “ไขมันเปลือกตาหายไปเรื่อย ๆ ตามอายุ” ไขมันเปลือกตาไม่แข็งแรง และ ผิวไม่แข็งแรง เหล่านี้แหละครับคือการที่ตาดูโบ๋ลึกจากอายุที่มากขึ้น ยิ่งถ้าใครมีโครงหน้าชัด ยิ่งจะสังเกตได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ แล้วปัญหาคือพออายุมาก การทำศัลยกรรมตาอย่างเดียวอาจจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ซึ่งตอนนี้เราก็มีเทคนิคทำตาสองชั้นพร้อมฉีดฟิลเลอร์เปลือกตา ก็จะแก้ไขปัญหาได้แบบตรงจุดยิ่งขึ้นครับ

เคส 1 : มีตาสองชั้นอยู่แล้ว แต่ชั้นตาลึก

สำหรับบางท่านที่รู้สึกว่าตัวเองก็มีตาสองชั้นอยู่แล้ว แต่ประสบปัญหาชั้นตาดูลึก ภาพรวมใบหน้าเลยดูปรือ ๆ ดูไม่ค่อยสดใส อยากให้ดูเคสรีวิวท่านนี้เลยครับ จะเห็นว่าหลังแก้ไขด้วยฟิลเลอร์ข้างละ 1 ซีซีแล้ว ภาพรวมใบหน้าดูดีมาก ดูหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นมากครับโดยไม่ต้องไปศัลยกรรมกรีดตาเลย

เคส 2 : ชั้นตาสองข้างไม่เท่ากัน ข้างนึงสวย ข้างนึงไม่สวย

สำหรับคนที่มีชั้นตาอยู่แล้ว แต่ดูไม่เท่ากัน และ ไม่อยากทำศัลยกรรม สิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีคือฟิลเลอร์นี่แหละครับ ช่วยทำให้ตาสองข้างกลับมาดูเท่ากัน โดยแก้ข้างที่ไม่สวยด้วยฟิลเลอร์เพียง 1 ซีซีเท่านั้น ก็ได้ชั้นตาคู่สวยเลย หากเราพอใจในอีกข้างอยู่แล้ว การแก้เพียงข้างเดียวก็ช่วยประหยัดงบไปได้เยอะมากครับ ถือว่าคุ้มค่า และ ไม่ต้องพักฟื้นด้วย

เคส 3 : ชั้นตาชัด แต่แตกเป็นสองเส้นตรงหาง

จากประสบการณ์ที่ผมเคยแก้ไขมา เคสแบบนี้เป็นเคสชั้นตาที่แก้ไขที่ค่อนข้างยากมากครับ โดยเฉพาะแก้ไขแบบไม่ศัลยกรรม ผมใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1 ซีซี ค่อย ๆ ฉีดไล่ เพื่อตกแต่ง และ ปรับสมดุลของชั้นตาให้ดูเส้นคมชัด ที่สำคัญคือจะต้องสวย ดูเท่ากันทั้งสองข้าง เรียกว่าเคสนี้คนไข้ต้องเผื่อเวลาหน่อย เพราะใช้เวลาทำประมาณ 2-3 ชั่วโมงเลย แต่รับรองว่าหลังทำ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นครับ

เคส 4 : ชั้นตาลึกเป็นบางวัน ดูไม่สวยเท่ากัน

เคยเป็นไหมครับ บางวันตาเราดูสวยจัง บางวันตาเราดูโทรมไม่สวยเลย กรณีแบบนี้ก็สามารถแก้ไขด้วยฟิลเลอร์ได้ครับ ผมจะปรับสมดุล และ หาตรงกลางของชั้นตาให้ ฉีดฟิลเลอร์เติมส่วนที่ขาดไขมันของบริเวณเปลือกตาบน ชั้นตาก็จะดูอิ่มเท่ากันทั้งสองข้าง คนไข้ก็จะแต่งหน้าง่ายขึ้นมากด้วยครับ

เคส 5 : ชั้นตาดูโบ๋ลึกจากอายุที่มากขึ้น

สำหรับท่านที่เริ่มมีอายุ มักจะประสบปัญหาชั้นตาลึกโบ๋ แต่ก็กังวลไม่กล้าไปทำศัลยกรรมกัน เพราะอาจจะเสี่ยงต่อแผลที่หายช้า เนื่องจากพออายุมากขึ้นร่างกายเราจะรักษาตัวเองได้ยากกว่าคนหนุ่มสาวอยู่แล้วครับ คนไข้ท่านนี้เลยเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ปรับชั้นตาให้สวย หลังทำเสร็จทันทีหน้าดูสดใสขึ้นมาก รู้สึกอ่อนเยาว์ขึ้นทันทีเลยครับ

รีวิวฟิลเลอร์ชั้นตา