สิวหลัง ปัญหาโลกแตกของใครหลายคน! สิวเจ้ากรรมดันเกิดขึ้นง่ายมากไม่ว่าจะเป็นจากสภาพอากาศ การสวมใส่เสื้อผ้า อาการแพ้สบู่ ยาสระผมต่าง ๆ แถมเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เลือกอายุไม่เลือกเพศอีก
แต่เมื่อรักษาสิวหายแล้วยังทิ้งรอยแผลเป็นอีกนี่สิ เรียกได้ว่า สิวเกิด 2 อาทิตย์แต่ใช้เวลารักษารอยสิวอีกเป็นเดือนเลยครับ สำหรับใครมีปัญหาสิวละรอยสิวที่หลัง บทความนี้เป็นคำตอบให้ทุกคนครับ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุ
การรักษาทั้งสิวและรอยสิว หากใครกำลังประสบปัญหานี้อยู่ละก็ สามารถติดตามจากบทความนี้ได้เลยครับ
สิวที่หลังคืออะไร?
สิวที่หลัง (หรือ “bacne”) คือสิวที่ขึ้นที่หลัง ทำให้เกิดสิว ที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดง สิวหัวขาว หรือสิวหัวดำ สิวเหล่านี้อาจไม่น่าดู น่ารำคาญ และ เจ็บปวด สิวเกิดขึ้นเมื่อน้ำมัน สิ่งสกปรก เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสามารถเกิดจากแบคทีเรียอุดตันรูขุมขนได้ค่ะ
โดยสิวที่หลังมักเกิดขึ้นเมื่อเหงื่อออกใต้เสื้อหรืออุปกรณ์กีฬาระหว่างออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก เสื้อผ้าถูกับผิวหนังที่ขับเหงื่อซึ่งนำไปสู่สิวหรือทำให้อาการแย่ลง สิวที่หลังเกิดขึ้นเหมือนสิวประเภทอื่น ๆ
เมื่อ “รูขุมขน” บนผิวหนังอุดตันด้วยสิ่งสกปรก ร่วมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว, เหงื่อ และ น้ำมันบนผิว หรือ ที่เรียกว่า “ซีบัม” โดยเฉพาะหากร่างกายสร้างน้ำมันออกมามากเกินไป หรือ ไม่ทำความสะอาดผิวอย่างถูกต้อง อาจทำให้รูขุมขนอุดตันได้
สิวที่หลังเกิดจากอะไร?
1.กรรมพันธุ์
ส่วนมากคนที่เป็นสิวมีแนวโน้มที่จะเกิดมีโอกาสเป็นสิวมากขึ้น เมื่อมีประวัติครอบครัวเป็นสิว เป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก เพราะมนุษย์เราไม่สามารถปฏิเสธกรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆคือ การถ่ายทอดพันธุกรรมที่เกิดจากคนภายในครอบครัวได้เลย หากสมาชิกในครอบครัวรุ่นปู่ รุ่นย่า รุ่นตา รุ่นยาย หรือ พ่อแม่ มีผิวที่แพ้ง่าย หรือ เคยมีสิวขึ้นหลัง มีโอกาสสูงที่รุ่นลูก รุ่นหลานจะเป็นสิวที่หลังได้เช่นเดียวกัน
2.แรงเสียดทาน
เสื้อ กระเป๋าเป้ และเสื้อผ้าอื่นๆ ที่เสียดสีกับผิวหนังสามารถทำให้เกิดหรือทำให้สิวที่หลังแย่ลงได้ การสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ไม่ดีพอ จึงทำให้เกิดความอับชื้นและยังเป็นแหล่งที่สะสมเชื้อแบคทีเรีย สิ่งสกปรก และคราบเหงื่อไคล จนเกิดการอุดตันของรูขุมขนแล้วกลายเป็นสิวที่หลังในที่สุดค่ะ
3.ฮอร์โมน
สิวฮอร์โมนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน หรือ ความไม่สมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกาย เมื่อปริมาณฮอร์โมนแอนโดรเจน(Androgen) เพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนนี้จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ให้ผลิตซีบัม(Sebum) ออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณเชื้อแบคทีเรียมากขึ้น
หากเคราติน(Keratin) ซีบัม(Sebum) และเชื้อแบคทีเรียรวมตัวกัน จะก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน จนกลายมาเป็นสิวอุดตัน (Comedones) หรือในบางกรณี เมื่อมีการอุดตันรูขุมขนขึ้นมากๆ ขยายตัวจนทำให้ท่อรูขุมขนเกิดการอักเสบ ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะกลายเป็นสิวอักเสบ (Inflammatory acne) ได้เช่นกัน โดยจะเกิดในช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นค่ะ
4.สุขอนามัยที่ไม่ดี
ผู้ที่มีผมไม่สะอาดสามารถเป็นสิวที่หลังได้เมื่อน้ำมันจากเส้นผมถูกับหลัง สิวที่หลังอาจเป็นผลมาจากผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว หรือเสื้อผ้าที่สกปรก หลายคนมีพฤติกรรมไม่ค่อยชอบเปลี่ยนชุดนอนทุกวัน ทั้งที่เวลาเรานอนบนที่นอนนั้น แผ่นหลังจะต้องสัมผัสกับชุดนอนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เกิดคราบเหงื่อและความอับชื้นสะสมมากขึ้น จนทำให้เกิดสิวที่หลังนั่นเอง
5.ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
โลชั่นและครีมบางชนิดสามารถอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ล้างออกยาก ไม่ว่าจะเป็นแชมพูหรือสบู่เหลวที่ล้างออกยาก ล้วนแต่ทำให้เกิดการตกค้างของสารเคมีต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ รวมถึงการล้างออกที่ไม่สะอาดอีกด้วย
6.ความเครียด
ความเครียดอาจจะไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวค่ะ แต่เมื่อมีความวิตกกังวลหรือ หรือเมื่อไรที่เรารู้สึกเครียดมากขึ้น ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันของเราค่ะ ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป เมื่อน้ำมันและสิ่งสกปรกผสมเข้ากันก็จะทำให้เกิดสิวที่หลังได้
7.เหงื่อที่ติดอยู่
เหงื่อสามารถติดอยู่ระหว่างผิวหนังและเสื้อผ้าของเราได้ค่ะ ดังนั้นอาจทำให้รูขุมขนของเราอุดตันได้ ผู้ที่มีเหงื่อออกมากเกินไป มีโอกาสเกิดสิวที่หลังได้สูง และ การปล่อยให้เหงื่อแห้งไปกับตัว โดยไม่รีบอาบน้ำหลังจากที่เหงื่อออกจนชุ่มโชก ก็เป็นสาเหตุของการเกิดสิวที่หลัง เพราะความสกปรกของคราบเหงื่อไคลและเชื้อแบคทีเรียค่ะ
ประเภทของสิวที่หลัง
สิวดังต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างประเภทของรอยโรคสิวที่อาจเกิดขึ้นที่หลังครับ ได้แก่
สิวอุดตันหัวปิด (Closed Comedone) หรือสิวอุดตันหัวขาว (Whiteheads)
สิวอุดตันหัวชนิดหัวปิดมักเกิดจากสิวอุดตันหัวปิดเกิดจากการอุดตันสะสมภายในท่อปิดของต่อมไขมันและรูขุมขน จนทำให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งจะเห็นเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาว สิวอุดตันชนิดนี้หากเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อจะกลายเป็นสิวอักเสบได้ในที่สุด
สิวอุดตันหัวเปิด (Open Comedone) หรือสิวอุดตันหัวดำ (Blackheads)
สิวหัวดำเมื่อรูขุมขนที่อุดตันอยู่บนผิวของคุณเปิดออก มันจะก่อตัวเป็นสิวหัวดำ หรือที่เรียกว่าสิวหัวดำ ลักษณะปลายสีดำของสิวหัวดำ เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างซีบัมกับอากาศ
ซึ่งซีบัมเป็นส่วนประกอบของไขมันที่ต่อมไขมันสังเคราะห์ขึ้นมา โดยมีองค์ประกอบหลักเป็นไขมันที่มีสภาพเป็นกลาง (ไตรกลีเซอไรด์) ถ้าซีบัมถูกผลิตออกมามากเกินไปทำให้ถูกขับออกมาที่ผิวหนังผ่านรูขุมขนผสมกับเหงื่อก่อตัวเป็นชั้นฟิล์มเคลือบปกคลุมผิวหนัง
ทำให้ผิวหนังและเส้นขนมีความชุ่มชื่นและเงางาม หากไขมันที่อยู่ในซีบัมถูกแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังก่อให้เกิดกรดไขมันทำให้ผิวหนังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ไม่ใช่เพราะสิ่งสกปรกเข้าไปอุดรูขุมขน
สิวผด (Acne Estivalis) คือ สิวที่สามารถพบได้บ่อยเมื่ออากาศร้อนหรือมีเหงื่อออก
สิวผด มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ไม่มีหัว บางคนอาจมีรอยแดงหรืออาการคันร่วมด้วย ซึ่งที่จริงแล้ว ถ้ามีอาการคัน แดงร่วมด้วย สิวผดลักษณะนี้อาจไม่ใช่สิวอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นอาการแพ้ของผิวหนัง
สามารถพบเจอได้ที่บริเวณใบหน้าอย่างสิวผดหน้าผาก ไรผม หรือสิวผดที่แก้ม และสามารถพบที่บริเวณอับชื้นส่วนอื่นของร่างกาย อย่างเช่นบริเวณหลังหรือหน้าอกได้เช่นกัน ดังนั้น สิวผดที่เป็นสิวอุดตัน หรือสิวผดที่มาจากอาการแพ้ / ระคายเคือง อาจต้องพิจารณาอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย
สิวหัวหนอง (Pustules) คือสิวอักเสบที่เป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่และมีหนอง
เรียกอีกอย่างว่าสิว ตุ่มหนองคือตุ่มหนองสีขาวหรือสีเหลืองที่มีฐานเป็นสีแดง แผลเหล่านี้ยังเป็นผลมาจากการอักเสบในรูขุมขนที่อุดตัน การสะสมของเซลล์เม็ดเลือดขาวทำให้ตุ่มหนองเต็มไปด้วยหนอง
ก้อนสิวประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียติดอยู่ในรูขุมขน รอยโรคเหล่านี้พัฒนาลึกลงไปใต้ผิวของคุณ ซึ่งมันจะแข็งตัวและก่อตัวเป็นก้อนขนาดใหญ่ที่เจ็บปวด ตำแหน่งที่ลึกลงไปของรอยโรคทำให้เนื้อเยื่อเสียหาย ส่งผลให้เกิดการตอบสนองต่อการอักเสบ
สิวที่หลังรักษาเหมือนหน้าได้ไหม
สิวที่หลังมีความรุนแรงมากกว่าสิวบริเวณอื่น โดยปกติแล้วจะมีบริเวณที่อักเสบที่ใหญ่กว่าเพราะมีพื้นที่ด้านหลังมีมากกว่าที่อื่น และเนื่องจากผิวหนังที่หลังมีความหนามาก สิวจึงฝังลึกลงไปใต้พื้นผิว
นั่นหมายถึงการรักษาสิวที่หลังต้องใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป เนื่องจากความลึกของการอักเสบ การรักษาสิวที่หลังอย่างจริงจัง
โดยปกติแล้ว การรักษาสิวที่หลังที่ดีที่สุดต้องใช้ยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน เช่น ซิลวาดีนหรือไอโซเทรติโนอิน สำหรับสิวบนใบหน้า เราลองใช้ทรีตเมนท์ที่ไม่รุนแรงก่อน แต่เนื่องจากสิวที่หลังนั้นรักษาและแก้ไขได้ยาก แพทย์อาจจะแนะนำให้รับประทานยาปฏิชีวนะควบคู่ไปด้วยครับ
รักษาสิวที่หลังด้วยตัวเอง วิธีธรรมชาติ
หากเป็นสิวไม่รุนแรง แนะนำลองรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ดูก่อนครับ
1.รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อหลังมีเหงื่อออก
เหงื่อที่ออก เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้ เมื่อมีเหงื่อออกมากๆ เช่นหลังการออกกำลังกาย ควรอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด หรือกิจกรรมอะไรก็ตามที่ทำให้เหงื่อออกเยอะๆ
เพราะเหงื่อที่สะสมอยู่ในเสื้ออาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ซักชุดออกกำลังกายหลังใช้งานทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งสวมชุดออกกำลังกายหลวม ๆ ที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าซับเหงื่อ
2.ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
คุณอาจคิดว่าการขัดถูหลัง อาจช่วยทำให้สิวหลุดออกได้เร็วขึ้น แต่การขัดถูผิวแรงๆ นั้นเป็นการรบกวนผิว ซึ่งทำให้ผิวเกิดการเสียดสีและทำให้ผิวเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น
เวลาที่คุณอาบน้ำจึงไม่ควรขัดถูผิวอย่างรุนแรง แต่ควรลูบไล้ผิวที่หลังอย่างเบามือเพื่อเป็นการถนอมผิวคุณ และไม่ทำให้สิวอักเสบมากขึ้น
3.งดใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรง
เช่น สบู่ที่เคลมว่าต้านเชื้อแบคทีเรีย ยาสมานแผล และสครับขัดผิว เพราะจะทำให้สิวแย่ลงได้ หรือแม้แต่ ใยบวบขัดผิว แปรงขัดหลัง
ก็มีทำให้ผิวและสิวของคุณอักเสบได้ แนะนำให้คุณใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำหอมจะดีกว่า
4.ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (oil-free) หรือผลิตภัณฑ์ประเภท Non – Comedogenic ที่หมายถึงผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดภาวะรูขุมขนอุดตันได้ ช่วยไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง ส่วนนี้จึงช่วยลดการอุดตันที่เป็นสาเหตุของสิวได้เป็นอย่างดี
5.หลีกเลี่ยงการสะพายกระเป๋าเป้
ในช่วงที่ผิวด้านหลังเป็นสิวรุนแรง แนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของที่เสียดสีกับผิวหลังเพราะจะทำให้ทำให้ผิวของคุณระคายเคืองและเจ็บจากสิวง่ายขึ้นหรือไปกระทบหลัง เช่นการสะพายกระเป๋าเป้ เปลี่ยนมาใช้เป็นกระเป๋าถือแทน เป็นต้น
6.ปกป้องผิวจากแสงแดด
แสงแดดอาจทำให้อาการของสิวแย่ลง เพราะรังสียูวีจะทำให้สิวดำคล้ำและเกราะปกป้องผิวเสื่อมสภาพลง หากจำเป็นต้องไปเผชิญกับแสงแดด การทาครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำมันเสมอก็สามารถปกป้องผิวคุณจากมลภาวะ และไม่ทำให้สิวรุนแรงขึ้น แต่ต้องทำความสะอาดผิวแผ่นหลังให้ดี อย่าให้เกิดการอุดตัน
รักษาสิวที่หลังโดยแพทย์ วิธีไหนดี
หากใครมีปัญหาสิวหนักมาก แนะนำให้พบแพทย์เลยจะดีที่สุดครับ โดยแนวทางการรักษาก็จะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัญหาผิวนั้น ๆ ของคนไข้
โดยวีธีการรักษาสามารถแบ่งได้เป็นการใช้ยาสำหรับทา สำหรับทาน และ การเลเซอร์รักษา ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถรักษาด้วยวิธีการเดียวกันได้ครับ ปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุด
ยาทาเฉพาะที่
การรักษาส่วนใหญ่ที่แนะนำโดยแพทย์ผิวหนังเกี่ยวข้องกับการใช้ครีมทาเฉพาะที่จะทาโดยตรงกับผิวหนัง โดยปกติจะเป็นขั้นแรกของการรักษา ครีมที่ขายตามร้านยาจำนวนมากหาซื้อได้ง่ายในท้องตลาดที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยทั่วไปครีมหรือเจลเฉพาะที่เหล่านี้จะมีเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์หรือกรดซาลิไซลิกเป็นส่วนประกอบหลักที่ต่อสู้กับแบคทีเรียในสิว และ ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นได้ครับ
ยารับประทาน
หากสิวมีความรุนแรงมากกว่าปกติโดยมีซีสต์และก้อนอยู่แพทย์ผิวหนังจะสั่งยาให้ทานครับ ยาที่ใช้บ่อยที่สุดเพื่อป้องกันสิวที่หลังคือ
- ยาปฎิชีวนะมักจะกำหนดควบคู่ไปกับยาทาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและรักษาอาการอักเสบ
- ยาคุมกำเนิด ยาเหล่านี้มีผลอย่างยิ่งต่อความไม่สมดุลของฮอร์โมนและลดปริมาณน้ำมันที่ผลิตโดยต่อมน้ำมัน โดยยาคุมกำเนิด อาจขัดขวางการตกไข่ได้ จึงไม่แนะนำสำหรับเด็กผู้หญิงวัยรุ่น
- สำหรับสิวที่ขนาดใหญ่หรือสิวที่รุนแรงมาก อาจใช้การรักษาด้วยเลเซอร์หรือการใช้สารเคมีบางชนิด เป็นต้น
Chemical Peels
ถูกนำมาใช้ตามความรุนแรงของสิวที่หลังแพทย์ผิวหนังจะเป็นคนแนะนำชนิดของการลอกผิวที่ถูกต้องตามที่ต้องการเพื่อแก้ปัญหาสิวที่หลังอย่างได้ผล
Glycolic Peel
ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่หลังเท่านั้น แต่ยังช่วยขจัดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และกระตุ้นการซ่อมแซมผิว
การรักษาด้วยเลเซอร์
เลเซอร์เป็นการรักษาสิวที่หลังได้เร็วกว่าวิธีอื่นๆ สิวที่หลังโดยทั่วไปจะตอบสนองต่อยาตามใบสั่งแพทย์ได้ช้ากว่าการรักษาด้วยเลเซอร์ เนื่องจากเลเซอร์ทำงานโดยการฆ่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน และควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนผิวหนัง ช่วยให้สิวที่หลังหายเร็วขึ้นและรักษาแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
วิธีป้องกันสิวที่หลังได้อย่างไร
สิวบริเวณที่หลังจากจะป้องกันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ครับ แต่สามารถลดความเสี่ยงของการเป็นสิวที่หลังได้โดยการป้องกันด้วยวิธีเหล่านี้ครับ
- เปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากเหงื่อออก
- รักษาความสะอาดของผิว
- การจัดการระดับความเครียด
- อย่าลืมใช้ครีมกันแดด
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- สวมเสื้อหลวมๆ ซับเหงื่อ หรือผ้าฝ้าย
หากสิวที่หลังยังคงอยู่หรือกลับมาอีกเรื่อย ๆ ให้ไปพบแพทย์ผิวหนัง โดยคุณหมอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ ดูแลผิวที่ต้องสั่งด้วยแพทย์ อื่น ๆ เพื่อรักษาสิวที่รุนแรง หรือคุณอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือยารับประทานอื่นๆ
รอยสิวที่หลัง ทายา หรือ เลเซอร์
ก่อนรักษาแผลเป็นที่เกิดจากสิว สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสิวที่ยังเป็นอยู่ทั้งหมดก่อนครับ โดยการรักษารอยสิวถ้าเป็นไม่เยอะ แนะนำว่าสามารถลองรักษารอยสิวเองที่บ้าน โดยใช้ครีมต่างๆก่อนได้ครับ แต่ถ้าใครเป็นรอยสิวเยอะและต้องการรักษาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อาจจะลองการรักษาแบบเลเซอร์ได้ครับ
การรักษาที่บ้าน
การรักษาที่บ้านเหมาะสำหรับคนที่มีรอยแผลเป็นจำนวนน้อยและไม่ลึกมาก สามารถใช้
1.กรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHAs)
AHAs ใช้ในผลิตภัณฑ์รักษาสิวและรอยแผลเป็นจากสิว รักษาสิวโดยการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน ทำให้แผลเป็นที่สังเกตเห็นได้น้อยลงโดยการขัดผิวชั้นบนสุดเพื่อลดการเปลี่ยนสีและผิวที่ดูหยาบกร้าน
รอยสิวที่เหมาะสำหรับวิธีนี้: รอยแผลเป็นจากสิวทุกประเภท
2.กรดซาลิไซลิก
กรดซาลิไซลิกยังเป็นส่วนประกอบทั่วไปในผลิตภัณฑ์รักษาสิว ฝ้าและรอยแผลเป็นการทำงานโดยการคลายรูขุมขน ลดอาการบวม และผลัดเซลล์ผิว เนื่องจากอาจทำให้ผิวหนังของบางคนแห้งและระคายเคืองได้ ลองใช้มันเป็นการรักษาเฉพาะจุด สามารถหาซื้อได้ในผลิตภัณฑ์ตามร้านขายยาหรือไปพบแพทย์ผิวหนัง หลีกเลี่ยงการใส่น้ำมะนาวและเบกกิ้งโซดาลงบนผิว เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและเสียหายได้
รอยสิวที่เหมาะสำหรับวิธีนี้ : รอยแผลเป็นจากสิวทุกประเภท
การรักษาที่คลินิก
มีการรักษาในคลินิกหลายประเภทที่แพทย์ผิวหนังอาจแนะนำเพื่อรักษาแผลเป็นจากสิวที่หลัง บางชนิดได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าสามารถลดรอยแผลเป็นได้ ในขณะที่บางชนิดต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพ
การรักษาด้วยเลเซอร์
Picosure Laser
เลเซอร์พิโค หรือที่รู้จักกันในนามของ Picosecond laser เป็นเครื่องที่มีความยาวคลื่น 755 นาโนเมตร และ เป็นตัวเดียวที่ได้รับการรับรองจาก USFDA (อย.ของทางอเมริกา) ในการรักษาความผิดปกติของเม็ดสี รอยดำ รอยสิว รวมถึงทำให้หน้าใสขึ้น อีกทั้ง PicoSure จะมีหัวแบบ Focus ซึ่งเป็นตัวที่เพิ่มพลังงานซึ่งทำให้ตัวพลังงานเลเซอร์มันหดเล็กลงในพื้นที่ที่จำกัด ทำให้พลังงานมันเยอะขึ้นได้ ไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน, อิลาสติน และ Elastic fiber ทำให้เอามารักษาในพวกความผิดปกติ เช่น รูขุมขนกว้าง ริ้วรอย และ รอยแผลเป็นต่าง ๆ กระตุ้นในมันตื้นขึ้นได้ด้วย
Potenza
ใครที่มีปัญหารอยสิว หลุมสิว รูขุมขนบริเวณหน้าแก้ม เลเซอร์ตัวนี้จะช่วยปรับสภาพผิว กระตุ้นคอลลาเจน ปรับเม็ดสีผิว ให้ผิวดูกระชับ รูขุมขนตื้นขึ้น ตามจริงแล้วสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่การรักษาในครั้งแรกครับ โดยประมาณ 3 สัปดาห์ขึ้นไปจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน โดยผลการรักษาคงอยู่ได้นานสูงสุดถึง 12 เดือน ทั้งนี้คุณหมอที่เป็นผู้ทำการรักษา จะประเมินและออกแบบการรักษาให้เหมาะกับคนไข้แต่ละท่าน เนื่องจากการรักษาผิวแต่ละจุด และ ปัญหาแต่ละอย่างมีความเฉพาะตัวมาก ๆ
สรุปสิวหลัง เป็นง่ายแต่หายยาก ต้องรักษายังไงให้หายขาด
สิวที่ขึ้นบริเวณหลัง ส่วนมากจะเป็นสิวหัวดำ สิวไม่มีหัว สิวหัวขาวครับ โดยวิธีรักษารอยสิวแต่ละประเภทจึงแตกต่างกัน ยังไงหมออยากให้ลองเปลี่ยนผ้าปูที่นอนหรือซักผ้าขนหนูบ่อยๆและใช้ครีมกันดูก่อนครับ แต่ถ้าใครรักษาด้วยวิธีดังกล่าวแล้วยังไม่หาย
วิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลที่สุดคือการไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ วิธีนี้ยังเป็นวิธีที่ช่วยย่นระยะเวลาในการรักษา เพราะรู้สาเหตุและรักษาได้ตรงจุดทำให้รอยสิวหายได้เร็วมากกว่า การรักษารอยสิวด้วยตนเอง
ขอบพระคุณครับ
นพ. ลัทธพล ม้าลายทอง (หมอเฟิสท์)
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและแก้ไขสายตา
First Clinic ฟิลเลอร์รอบดวงตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ