คอเหี่ยว ไม่สวย ดูมีอายุ จะบอกว่ารอยย่นที่คอก็เหมือนกับรอยย่นที่อื่น ที่อาจพบบริเวณปาก ตา มือ หรือหน้าผาก โดยรอยย่นอาจจะเกิดจากปัจจัยบางอย่าง เช่น การสูบบุหรี่หรือการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นเวลานานเพราะเวลาเราทาครีมกันแดด บางทีเราก็ทาแค่หน้า จนลืมทาที่คอ อาจทำให้รอยชัดและเยอะขึ้น
รอยย่นที่คอบางทีเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะผิวที่ดูแก่กว่าวัยมีหลายสาเหตุค่ะ สำหรับใครที่มีปัญหาหน้าเด็กแต่คอแก่ สามารถศึกษาผ่านบทความนี้ได้เลยค่ะ
เส้นที่คอ คืออะไร
เส้นรอบคอสามารถปรากฏได้ทั่วไปโดยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราตามธรรมชาติ มักเป็นริ้วรอยและ เห็นเป็นผิวหนังที่หย่อนคล้อยเนื่องจากการสูญเสียความยืดหยุ่น เมื่ออายุมากขึ้น การผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติจะลดลง และแน่นอนค่ะว่า คอลลาเจนที่ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติก็จะหมดลง
ริ้วรอยแห่งวัยเหล่านี้มักจะปรากฏได้ที่คอ โดยเราอาจพบรอยย่นประเภทอื่นได้เช่นกัน เช่น เส้นตามแนวดิ่งของคอ สาเหตุเหล่านี้เกิดจากการที่หัวอยู่ในตำแหน่งเดิมเป็นเวลานาน เช่น เมื่อทำงานกับคอมพิวเตอร์ หรือ ไลฟ์สไตล์ที่ชอบทำซ้ำ ๆ ก็จะมีส่วนทำให้เกิดเส้นที่คอได้ค่ะ
คอเหี่ยว เกิดจากอะไร
1.แสงแดด
แสงแดดนี่แหละ ตัวการผิวเสียเลยค่ะ แล้วเนื่องจากคอเป็นอวัยวะที่มักถูกลืม ในขณะที่หลายคนทาครีมกันแดดที่หน้าอย่างดี แต่มาตกม้าตายที่คอซะงั้น ทำให้ คอถูกแสงแดดและไม่ได้รับการป้องกันอาจทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ ดังนั้น ทาหน้าแล้วอย่าลืมทาคอด้วยนะคะ หรือทาไปถึงกกหูด้วยเลย
2.พันธุกรรม
จริง ๆ แล้วกรรมพันธุ์ก็มีบทบาทสำคัญต่ออายุผิวเช่นกันค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต่อให้ทางบ้านเรามีกรรมพันธุ์คอเหี่ยวย่น ตัวเราเองก็สามารถชะลอการเกิดริ้วรอยที่คอ ได้ด้วยการทามอยซ์เจอไรเซอร์ ไม่สูบบุหรี่ และ ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันค่ะ
3.การเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ
รอยย่นทั้งหลายมักจะเกิดจากการเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น การก้มเล่นมือถือเป็นเวลานาน ๆ บ่อยเป็นต้น จะส่งผลให้เกิดริ้วรอย ระวังบ่อยการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ อาจทำให้เกิดเส้นที่คอได้เช่นกัน แต่ก็ไม่อยากให้มัวแต่กังวลจนใช้ชีวิตยากนะคะ ก็แค่ทาครีมกันแดด และ มอยซ์เจอร์ที่คอ ก็ช่วยป้องกันได้ระดับนึงแล้วค่ะ
ความเชื่อ เส้นที่คอ
ทางศาสตร์ความเชื่อแบบจีน หรือ โหวงเฮ้งจีน จะเรียกว่า คอปล้องหอยสังข์ค่ะ ถือว่าเป็นลักษณะของผู้มีบุญค่ะ เป็นคอรับทรัพย์ แต่ต้องเกิดกับบุคคลที่ไม่อ้วนนะคะ ชายหรือหญิงที่ลำคอมีริ้วคล้ายการที่สวมกำไลที่คอ
บางท่านจะมาจากบรรพบุรุษที่ดี สูงส่ง และมีชื่อเสียงที่โด่งดัง แต่ถ้าไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีฐานะที่ดี อาจจะหมายถึงว่า ช่วงบั้นปลายชีวิตจะร่ำรวย และ ประสบความสำเร็จค่ะ
การรักษาและป้องกันเส้นคอ
คอมักเป็นส่วนที่เปิดเผยมากที่สุดของร่างกาย เพราะด้วยอากาศประเทศไทย เราคงไม่ได้ปกปิดบริเวณนั้นเท่าไหร่ค่ะ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดูแลและบำรุงไม่แพ้ส่วนอื่นเลยค่ะ มีขั้นตอนที่สามารถทำได้เพื่อลดโอกาสเกิดเส้นรอบคอ หรือใครที่มีเส้นรอบคออยู่แล้วก็สามารถทำได้ค่ะ
1.ทาครีมกันแดด
แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่คอเป็นประจำทุกวันค่ะ โดยใช้ค่า SPF (Sun Protection Factor) ตั้งแต่ 50+ PA++++ ขึ้นไป ไม่ว่าจะอยู่กลางแจ้งหรือไม่ก็ตาม เนื่องจากระดับแสง UVA สามารถสร้างความเสียหายได้ตลอดทั้งปี ทาซ้ำทุกสองชั่วโมงหากเป็นคนที่เหงื่ออกเยอะ
2.ถือโทรศัพท์แบบถูกวิธี
หลายท่านอาจเคยได้ยินคำ Text Neck Syndrome ซึ่งเป็นอาการปวดหรือเจ็บคอที่เกิดจากการก้มดูโทรศัพท์ รู้หรือไม่ว่าการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ นี้อาจทำให้เกิดเส้นรอบคอได้เช่นกันริ้วรอยทั้งหมดเกิดจากการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่สูบบุหรี่จึงมักมีเส้นรอบปาก เป็นต้น
การก้มมองโทรศัพท์อย่างต่อเนื่องอาจทำให้คอพับได้ เมื่อเวลาผ่านไป รอยพับเหล่านี้จะกลายเป็นรอยย่นถาวร เมื่อใช้โทรศัพท์ ให้ลองวางโทรศัพท์ไว้ด้านหน้าและมองตรงไปข้างหน้า อาจรู้สึกแปลก ๆ ในตอนแรก แต่การปรับ การใช้ชีวิตแบบนี้นี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเส้นรอบคอได้ค่ะ
3.ใช้สกินแคร์ที่มีวิตามินซีผสม
ด้วยคุณสมบัติของวิตามินซี ที่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีสำหรับผิว โดยวิตามินซีสามารถช่วยเรื่องความเสียหายบางส่วนที่เกิดจากรังสียูวีและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ได้โดยการยับยั้งอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เกิดกระบวนการชรา และ เสื่อมของผิว โดยจากการศึกษาพบว่าคนที่ใช้วิตามินซีอย่างต่อเนื่องบริเวณลำคอ มีริ้วรอยที่ลดลงใน 12 สัปดาห์ ดังนั้นควรใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีติดต่อกัน และ เลือกตัวที่เหมาะกับสภาพผิวค่ะ
4.งดการสูบบุหรี่
เนื่องจากการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการแก่ก่อนวัยอันควร ควันบุหรี่ทำลายคอลลาเจน ซึ่งหมายความว่าผิวหนังได้รับออกซิเจนน้อยลงและจะดูแก่ และ เหี่ยวย่นมากขึ้น แถมยังมีควันบุหรี่มือสาม ที่ทำร้ายคนที่เรารักใกล้ตัวเราด้วย ดังนั้น การงดสูบบุหรี่จะดีทั้งต่อตัวเรารวมถึงคนอื่น ๆ ด้วยค่ะ
5.ทาเรตินอยด์
เรตินอยด์เป็นกลุ่มสารอนุพันธ์ได้มาจากวิตามินเอ ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนผสมต่อต้านริ้วรอยที่ได้รับการศึกษา และ มีชื่อเสียงมากที่สุด ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องริ้วรอย ยังแก้ปัญหาเรื่องสิวได้ด้วยค่ะ เนื่องจากส่วนผสมตัวนี้ค่อนข้างแรง อาจทำให้ผิวแห้งและลอกได้ แนะนำว่าค่อย ๆ เริ่มใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง อย่างเช่น ใช้ในวันจันทร์ กับ วันพฤหัส โดยใช้เฉพาะตอนกลางคืนอย่างเดียว ปริมาณเท่าเม็ดถั่วเขียวเท่านั้นค่ะ แล้วเมื่อผิวเริ่มปรับกับสกินแคร์ตัวนี้ได้ ค่อยใช้วันเว้นวัน ผิวจะได้ไม่ระคายเคืองมากเกินไปค่ะ
6.เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
หลายคนมักจะทามอยซ์เจอไรเซอร์แค่บนใบหน้า แต่ลืมเรื่องลำคอไปได้ง่าย ๆ ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นบางชนิดผลิตขึ้นสำหรับคอโดยเฉพาะ การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวจะช่วยให้ผิวดูอิ่มเอิบ ริ้วรอยจึงดูจางลง และยังช่วยป้องกันการเกิดรอยย่นในอนาคตอีกด้วยค่ะ
7.การฉีดโบท็อกซ์
ช่วงนี้มีหลายท่านค่ะ ที่หันมาใช้โบท็อกซ์ที่คอมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือ หลายคนรู้จักในชื่อของ Nefertiti Lift (เนเฟอร์ติติลิฟต์) เป็น เทคนิคการฉีดสารลดเลือนริ้วเข้าไปที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่บริเวณคอที่เรียกว่า กล้ามเนื้อพลาทิสมา (Platysma Muscles)
การฉีดสารลดเลือนริ้วเข้าไปเพื่อคลายแรงดึงของกล้ามเนื้อพลาทิสมาทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้ามีแรงดึงเพิ่มขึ้น ผิวจึงถูกดึงกลับไปทำให้ดูยกกระชับและเห็นโครงหน้าชัดขึ้น ซึ่งเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ไว้เพื่อต่อสู้กับความแก่ของผิวหนัง ริ้วรอยที่เกี่ยวข้องกับคอ และ การศึกษาพบว่าโบท็อกซ์ยังมีความสามารถในการบรรเทาอาการปวดคอเรื้อรังได้อีกด้วย
แต่ถ้าบางท่านที่มีรอยที่คอเยอะ อยากแก้ไขด้วยการยิงเลเซอร์ ตอนนี้แอดมินขอแนะนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเลยค่ะ เป็นเครื่อง Potenza จะช่วยรักษาในเรื่องริ้วรอย และ ช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้นอีกด้วยค่ะ ยิงได้ทั้งใบหน้า และ ลำคอ สวยเสมอกันทั้งหน้ากับคอแน่นอนค่ะ
การรักษาด้วย Potenza
โพเทนซ่า หรือ Potenza ที่ทุกคนรู้จักกัน เป็นเครื่องเลเซอร์เครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี 4 Mode Radio Frequency Micro needling ที่มีคลื่นพลังงาน MONOPOLAR, BIPOLAR 1 และ 2 MHz ไว้ในเครื่องเดียว รวมถึงมี Needle Tip มากถึง 10 Tip ด้วยกัน อย่างที่เกริ่นไว้ ว่าตัวนี้ช่วยเรื่องผิว
กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ให้ผิวดูเฟิร์มขึ้น พอผิวดูกระชับ คอก็จะดูก็จะดูเต่งตึงขึ้นค่ะ ตอบโจทย์ปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และ คนที่มีเส้นที่คอมากจนดูไม่สวย โดยเครื่องนี้ทำได้ทุกส่วนในร่างกาย และ ปลอดภัยเพราะได้รับการรับรองจาก US FDA และ Thai FDA เรียบร้อยแล้วค่ะ
ต้องยิงโพเทนซ่าบ่อยแค่ไหนถึงเห็นผล
ตามจริงแล้วสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่การรักษาในครั้งแรกค่ะ โดยจะเริ่มรู้สึกในช่วงประมาณ 3 สัปดาห์ขึ้นไป และ จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนหลัง 3 เดือนขึ้นไป และ ผลการรักษา สามารถคงอยู่ได้นานสูงสุดถึง 12 เดือน คุ้มค่ามากค่ะ
การเตรียมตัวก่อนทำ
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
- หยุดรับประทานวิตามินที่ต้านการแข็งตัวของเลือด หรือ กลุ่มยา NSAIDs
- งดทำทรีทเมนต์ สปา ซาวน่า สครับผิวบริเวณที่ต้องการรักษาอย่างน้อย 7 วัน
- ไม่แต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริเวณ รวมถึงงดการทาครีมกันแดด และ ครีมบำรุงผิว
- ไม่ใส่เครื่องประดับ และ โลหะต่าง ๆ ในวันที่เข้ารับบริการ
- ดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการรักษา
การเตรียมตัวหลังทำโพเทนซ่า
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังทำการรักษา
- งดทำทรีทเมนต์ สปา ซาวน่า สครับผิวบริเวณที่ต้องการรักษาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
- งดออกกำลังกายหนัก หรือ กิจกรรมที่ทำให้เสียเหงื่อ 1 สัปดาห์
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ และ หลบแดดให้บ่อยที่สุดเท่าที่สามารถทำได้
- ล้างหน้าอย่างเบามือ ไม่ใช้ครีมที่มีส่วนผสมในการผลัดผิวอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง และ ติดตามผลตามที่แพทย์นัดอย่างเคร่งครัด
สรุป
สำหรับท่านไหนที่มีรอยย่น แล้วอยากแก้ไข อาจจะเริ่มจากการเริ่มใช้ครีมหรือการปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันก่อนก็ได้ค่ะ สำหรับใครที่กังวลมากๆหรือเป็นเยอะแล้ว อยากปรึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่คลินิกได้เลยค่ะ คลินิกเราใช้เครื่องแท้ 100% เท่านั้น รวมถึงทีมแพทย์ผิวหนังระดับอาจารย์ที่ผ่านการเทรนมาแล้วอย่างดี มั่นใจได้ว่าสวย และ ปลอดภัยแน่นอนค่ะ
ขอบพระคุณครับ
นพ. ลัทธพล ม้าลายทอง (หมอเฟิสท์)
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและแก้ไขสายตา
First Clinic ฟิลเลอร์รอบดวงตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ