ริ้วรอยรอบดวงตา รอยย่นใต้ตา ปัญหากวนใจเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นอันตรายกับร่างกาย แต่ก็ส่งผลอย่างมากต่อความมั่นใจครับ
เป็นธรรมดาที่เมื่อเราอายุมากขึ้น ผิวหนังเราอาจจะเสียความสามารถในการคืนสภาพ อีกทั้งจากการแสดงออกทางอารมณ์ ทั้งยิ้ม ทั้งร้องไห้ และ ขยี้ตา เลยส่งผลทำให้มี รอยย่นใต้ตา เกิดขึ้นได้ครับ
ประเภทของ รอยย่นใต้ตา
1. Dynamic Line
คือ ริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวซ้ำของกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง มักจะเห็นตอนที่มีการเคลื่อนไหวบริเวณใบหน้า หรือพูดง่าย ๆ ก็คือจะเห็นตอนแสดงสีหน้านั้นแหละครับ (Expression Wrinkle)
อย่างเช่น เวลายิ้ม เลิกคิ้ว เลิกหน้าผาก ยิ่งคนที่ยิ้มเก่ง ๆ หรือ ร้องไห้บ่อย ขยี้ตาบ่อย โอกาสในการเกิด Dynamic Line ยิ่งเยอะขึ้นครับ
ถามว่า Dynamic Line หายได้ไหม คำตอบคือ มีโอกาสหายได้ครับ ถ้าในช่วงนั้นผิวมีความแข็งแรง มีความชุ่มชื้น หรือ มีคอลลาเจนมากพอ ก็จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้
แต่ถ้าผิวไม่แข็งแรงริ้วรอยก็อาจจะพัฒนาเป็น Static Line ได้ โดยสามารถอ่านว่า Static Line สามารถอ่านได้ที่บทความถัดไปครับ
2. Static Line
เรียกง่าย ๆ ว่า ริ้วรอยคงที่ครับ เกิดจากการเสียหายของผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอยคงที่ เห็นได้แม้กระทั่งตอนที่ไม่ได้ขยับใบหน้าครับ เกิดจากการที่ผิวแห้ง และ มีการสูญเสียคอลลาเจนที่ทำให้เต่งตึงไป รวมถึงการทำ Dynamic Line บ่อย ๆ ก็ส่งผลให้เกิด Static Line เช่นกันครับ
Static Line ไม่สามารถหายไปได้เองครับ จะคงอยู่บนใบหน้าตลอด ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยใต้ตา รอยพับหน้าผาก ริ้วรอยร่องแก้ม
บางอย่างสามารถรักษาได้ด้วยการใช้สารเติมเต็ม และ สารคลายกล้ามเนื้อครับ แนะนำว่าริ้วรอยประเภทนี้ ถ้ามีควรรักษาอย่างไวที่สุด เพราะว่ายิ่งปล่อยนาน ยิ่งลึก ยิ่งหายยากครับ
วิธีป้องกัน ริ้วรอยใต้ตา
1. ปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด
แสงแดด ถือ เป็นตัวการสำคัญเลยครับที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เนื่องจากในแสงแดดมีรังสี UVA, UVB เป็นสาเหตุของอนุมูลอิสระในผิวหนัง ทำให้มีทั้ง ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำได้ครับ
ดังนั้น เราควรหลีกเลี่ยง และ ปกป้องผิวบริเวณใบหน้า และ รอบดวงตาจากแสงแดดเป็นอย่างยิ่ง เลยแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ ทาทั้งบริเวณใบหน้า และ รอบดวงตา โดยมีวิธีเลือกง่าย ๆ ดังนี้ครับ
2. ใช้อายครีมเป็นประจำ
เนื่องจากผิวรอบดวงตาเรามีความบางมากกว่าจุดอื่นบนใบหน้า พูดง่าย ๆ ก็คือจะเหี่ยวง่าย และ ไว กว่าผิวส่วนอื่นนั้นเองครับ รวมถึงดวงตาเรา ขยับทั้งวันทั้งคืน
ตอนกลางวันก็ต้องจ้องมือถือ จ้องคอม ตอนล้างหน้าก็ต้องมีการถูเครื่องสำอางออก ส่วนตอนกลางคืน ก็ไม่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางทีเราก็เผลอไปขยี้ตาบ้างครับ
รวมปัจจัยข้างต้นแล้ว ทั้งเรื่องอายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวแย่ลง และ การเสียดสีบริเวณรอบดวงตาเป็นประจำ ทำให้ตาเรามี รอยย่นใต้ตา ใต้ตาเหี่ยว และ ดำคล้ำนั้นเองครับ
เลยเป็นสาเหตุที่ควรทาอายครีม และการทาอายครีมแพง ไม่เห็นผลลัพธ์ดีเท่าการทาเป็นประจำอย่างต่อเนื่องแน่นอนครับ
3. ดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการพักผ่อนให้เพียงพอ และ การดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 6 – 8 แก้วต่อวัน ส่งผลต่อผิวเราจริง ๆ ครับ สังเกตได้เลย วันไหนที่นอนไม่พอ ใต้ตาจะคล้ำ ดูไม่สดใส ส่วนตอนที่นอนพอ หน้าก็จะดูสดชื่นกว่าวันอื่น ๆ อย่างน้อยก็พยายามนอนก่อนเที่ยงคืน และ จิบน้ำเปล่าระหว่างวันเยอะ ๆ ก็มีส่วนช่วยครับ
4. ไม่เครียด และ ออกกำลังกายเป็นประจำ
เวลาเครียด เรามักจะขมวดคิ้วหลิ่วตากันบ่อย ๆ ใช่ไหมครับ นั้นแหละอีกตัวการของการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา หากทำงานแล้วเริ่มรู้สึกว่าคิ้วมันผูกโบว์แล้ว แนะนำให้ทำกิจกรรมอย่างอื่นครับ
อาทิเช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ทำอะไรที่เรารู้สึกผ่อนคลาย เพราะการทำ Dynamic Line เป็นประจำ จะก่อให้เกิด Static Line อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้นครับ
3 วิธีการรักษา รอยย่นใต้ตา
1. อัลเทอร่า รอบดวงตา
หลาย ๆ ท่านที่ชื่นชอบทางด้านความสวยความงาม คงรู้จักเครื่องมือ Ulthera ว่าเป็นการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่ในที่นี้เราสามารถนำมายกกระชับเฉพาะจุดได้ด้วย
โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาครับ แก้ปัญหาหนังตาตก หนังคิ้วตก และ รอยย่นรอบดวงตาได้อย่างดีเยี่ยม เพราะ สามารถควบคุมชั้นผิวหนังได้อย่างตรงจุด และ ปลอดภัยผ่านหน้าจอครับ
2. ฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ
สำหรับท่านที่รู้ว่ามี Static Line แล้ว แนะนำเป็นการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ หรือ โบทูลินัมท็อกซิน บริเวณรอบดวงตาครับ และ ควรรีบทำตั้งแต่ริ้วรอยยังไม่ฝังลึกมาก กล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะได้คลายตัว และ คืนสภาพผิวได้ง่ายขึ้นครับ
โดยควรฉีดโบทูลินัมท็อกซิน บริเวณรอบดวงตากับจักษุแพทย์เท่านั้น เพราะ หากฉีดไม่ดี อาจจะมีอาการ หนังตาตก ตาปิดไม่สนิท ลืมตาขึ้นไม่สุดได้ครับ
3. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
สำหรับท่านที่ใต้ตาเหี่ยว มีริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาลึกเห็นเป็นร่อง รวมถึงปัญหาถุงใต้ตา แนะนำเป็นการฉีดสารเติมเต็มครับ (Filler) จะช่วยให้ใต้ตาเต็มขึ้น ฟูขึ้นจากการฉีดสาร Hyaluronic Acid เข้าไปยังบริเวณใต้ตา
พอผิวใต้ตาฟูขึ้น เต็มขึ้น ริ้วรอยก็จะจางลง ภาพรวมใบหน้าก็จะดูสดใสขึ้นด้วยครับ ความเสี่ยงของวิธีนี้ก็คือ ฉีดไม่ดี ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ได้ครับ ยังไงแนะนำให้ปรึกษากับจักษุแพทย์ก่อนฉีดแก้ไขครับ
บอกลาถุงใต้ตาด้วยฟิลเลอร์!
สรุป รอยย่นใต้ตา รักษาได้
ริ้วรอยต่าง ๆ เมื่อเกิดขึ้นบนใบหน้าแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือรีบทำการรักษาครับ เพราะยิ่งรักษาเร็วเท่าไหร่ ผิวยิ่งมีโอกาสคืนสภาพปกติเร็วเท่านั้นครับ ทั้งวิธีการป้องกัน และ วิธีการรักษาข้างต้น แต่ละคนเหมาะกับวิธีการที่แตกต่างกัน
แนะนำให้หมั่นสังเกตตัวเองว่า ชอบขยี้ตา หรือแสดงสีหน้าท่าไหนเป็นประจำ ถึงทำให้เกิดริ้วรอยตรงนั้น ๆ ยังไงแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา จะได้ทั้งสวย และ ปลอดภัยครับ
ขอบพระคุณครับ
นพ. ลัทธพล ม้าลายทอง (หมอเฟิสท์)
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและแก้ไขสายตา
First Clinic ฟิลเลอร์รอบดวงตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ