ฟิลเลอร์หน้าใส คืออะไร ฉีดแล้วผิวฉ่ำโกลว์ ผิวเรียบเนียนขึ้นจริงหรอ?

ฟิลเลอร์โมเลกุลเล็ก หรือ ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม จะมีลักษณะคล้ายเนื้อไข่ขาวที่ไม่สุก มีการคงรูปต่ำ จะไปทางเหลวหน่อยครับ

เหมาะกับคนที่มีผิวบาง ต้องการฉีดให้ดูเป็นธรรมชาติ ดูไม่เป็นก้อน ต้องการความเรียบเนียนสูง สามารถฉีดได้ในหลากหลายบริเวณมาก ไม่ว่าจะเป็น ฉีดกระจายทั่วชั้นผิว ฉีดใต้ตา ฉีดริมฝีปากในคนที่ร่องปากลึก ปากแห้งผาก แม้กระทั่งฉีดหลุมสิวเราก็สามารถทำได้

ยกตัวอย่างเช่นในคนที่มีผิวไม่เรียบเนียนมักจะมีปัญหารูขุมขนกว้าง มีหลุมสิว เราก็สามารถใช้ฟิลเลอร์ช่วยตกแต่งผิวให้ดูอิ่มฟูขึ้น รูขุมขนแคบลง หลุมสิวดูตื้นขึ้น แล้วก็จะได้ผลลัพธ์เรื่องผิว ที่ดูชุ่มชื้นฉ่ำวาวจากการฉีดฟิลเลอร์เพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับวิธีการฉีดฟิลเลอร์หน้าใส หรือ Filler Skin Booster ค่อนข้างจะแตกต่างกับวิธีการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า เนื่องจากเป็นวิธีการที่ต้องการให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทั่วผิวใบหน้า

ดังนั้น เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์หน้าใส จึงมักฉีดฟิลเลอร์เนื้อนิ่มกระจายเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วหน้า โดยเน้นจุดที่คนไข้มีปัญหา อาทิเช่น จุดที่รูขุมขนกว้างมาก บริเวณหน้าแก้ม หรือ จุดที่เป็นหลุมสิวหนัก สามารถทำควบคู่กับการเลเซอร์หลุมสิวได้ แต่ควรเว้นระยะเวลาในการรักษา ซึ่งแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เป็นรายบุคคลไปครับ

ข้อดีหลักๆ จะเป็นเรื่องการปรับสภาพผิว ให้ดูเรียบเนียน ผิวสุขภาพดี อิ่มฟู เหมือนผิวเด็กครับ โดยเฉพาะตอนนี้เทรนด์ผิวฉ่ำโกลว์สไตล์เกาหลีกำลังเป็นที่นิยมมาก ๆ เรียกได้ว่าใครอยากมีผิวสุขภาพดี ต้องมีผิวที่เล่นแสง ฉ่ำน้ำ โกลว์เหมือนปัดไฮไลท์ หรือ เหมือนติดไฟบนผิวตลอดเวลา ยอมรับว่าการแต่งหน้าก็ช่วยได้ส่วนหนึ่งครับ

แต่ถ้า Texture ผิวไม่เรียบเนียน ขรุขระ รูขุมขนกว้างลึก จะบอกว่าฟิลเลอร์หน้าใสที่แหละ คือตัวช่วยที่ดีมาก ๆ เลยครับ ยิ่งใครทาครีมเป็นประจำ อันนี้เป็นหัตถการเสริมที่เห็นผลจริง คาดหวังผลได้ครับ

ตามจริงขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีด ปัญหาผิวของคนไข้ และ ยี่ห้อของฟิลเลอร์ด้วยครับ บางตัวสามารถอยู่ได้นานถึง 8 – 12 เดือนเลย ถ้าใครผิวไม่มีปัญหามากก็สามารถทำแบบนี้ได้ครับ แต่ถ้าใครมีหลุมสิวลึก ผิวไม่เรียบเนียนมากจริง ๆ

ช่วงแรกอาจจะต้องฉีดบ่อยหน่อยอย่างเช่น ทุกเดือน หรือ ทุกสามเดือน ต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้งแรก แล้วค่อยเว้นระยะห่างออกไป ซึ่งหมอก็จะช่วยเลือกตัวฟิลเลอร์ที่เหมาะสมให้อีกทีครับ ต่อให้ขึ้นชื่อว่าฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม โมเลกุลเล็กเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าแต่ละแบรนด์ก็จะมีพวกข้อดี หรือ ข้อจำกัดที่ค่อนข้างต่างกันพอสมควรเลยครับ

Restylane Skinboosters Vital Light

เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยีในกลุ่ม NASHA มีความเข้มข้นของไฮยาลูรอนิกที่ 12 มิลลิกรัม มีส่วนผสมของยาชา ช่วยในการเติมเต็มชั้นผิวให้ดูอิ่มฟู

เหมาะกับการฉีดบริเวณหลุมสิว รอยคล้ำใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา หรือ จุดที่ต้องการความชุ่มชื้นมาก ๆ เช่น หลังฝ่ามือ ลำคอ เนินอก ก็สามารถฉีดฟิลเลอร์รุ่นนี้ได้ โดยจะอยู่ได้ประมาณ 8 – 12 เดือน

Juvederm Volite

ตัวนี้เหมาะมากสำหรับคนที่มีผิวแห้ง ผิวเหี่ยวดูแก่กว่าวัย ใช้เทคโนโลยี Vycross ในการผลิต เรียกได้ว่าเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Juvederm ฟิลเลอร์ตัวนี้จะมีเนื้อบางเบาเป็นพิเศษ สามารถฉีดเข้าไปที่ชั้นหนังแท้ได้อย่างเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน

ใครกลัวช้ำ ตัวนี้อาจจะตอบโจทย์มาก เพราะมาพร้อมกับเข็ม 32G เล็กมากเลยเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำน้อย ฉีดได้ทั้งหน้า คอ เนินหน้าอก หลังมือครับ อยู่ได้นานสุด 9 – 12 เดือนครับ

Belotero Revive

ตัว Revive จะเป็นฟิลเลอร์ที่เป็น 2 in 1 Power คือมีทั้ง กรดไฮยาลูรอนิก และ กลีเซอรอล ถือเป็นการเติมน้ำเข้าผิว และ รักษาความชุ่มชื้นไว้ในผิวครับ

ทางแบรนด์เคลมว่าช่วยให้ผิวดีได้ถึง 4 มิติ ประกอบไปด้วย ผิวเรียบเนียน ผิวอิ่มฟู ผิวเด้งกระชับ และ ผิวชุ่มชื้นฉ่ำวาว ใครต้องการให้ผิวมีคุณภาพดีขึ้นสี่มิติแบบนี้ ตัวนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ โดยผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 9 เดือนครับ

Rejuran

ตัวรีจูแรนถือว่ามาแรงมากครับตอนนี้ และ มีคนเข้าใจผิดว่าตัวนี้เป็นฟิลเลอร์กันเยอะมาก แต่ตัวนี้ถือเป็นเพียงวิตามินผิวเท่านั้นนะครับ ซึ่งความต่างก็คือ Rejuran จะเป็นการนำสาร Polynrucleotide หรือ PN เข้มข้น 2% ซึ่งเป็น DNA ที่สกัดมาจากปลาแซลมอน

มีโครงสร้างใกล้เคียง DNA มนุษย์มากที่สุด เลยเข้ากันได้ดีกับร่างกายคนไม่ก่อให้เกิดการต่อต้านในร่างกาย ฉีดเข้าไปเพื่อกระตุ้นชั้นผิว ลดหลุมสิว รูขุมขนเล็กลง บล็อกการสร้างเม็ดสี สร้างเซลล์ใหม่มาแทนเซลล์ที่เสียไป ช่วยให้ผิวฉ่ำวาว และ เสริมเกราะป้องกันผิวครับ

จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้คล้ายกับการฉีดฟิลเลอร์เลย แต่เดี่ยวก่อนครับ Rejuran มีหลายรุ่น ช่วยแตกต่างกันไป

เช่น Rejuran Healer เป็นเหมือน Skin Booster, Rejuran S จะช่วยเรื่องหลุมสิว รอยแผลเป็น ส่วน Rejuran I จะช่วยเรื่องฟื้นฟูรอบดวงตา รอบปาก ต้องฉีด 3 ครั้งขึ้นไปถึงเห็นผล

โดยระยะห่างประมาณ 4 สัปดาห์ต่อครั้ง และหลังจากนั้นสามารถเว้นฉีดทุก 3 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์เอาไว้ โดยสามารถทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์บูสต์ผิวตัวอื่นได้ครับ

Gouri

EXOSOME

ขอบพระคุณครับ

นพ. ลัทธพล ม้าลายทอง (หมอเฟิสท์)
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและแก้ไขสายตา

First Clinic ฟิลเลอร์รอบดวงตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ