หน้าแก่ คำว่าแก่พูดเบา ๆ ก็เจ็บ ... ที่จริงแล้วความแก่ถือเป็นเรื่องธรรมชาตินะคะ แต่ละปีผ่านไปเราก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าเซลล์ในร่างกายของเราก็ต้องมีการเสื่อมลงตามกาลเวลา คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับที่เราจะสามารถสังเกตตัวเองได้ทันท่วงทีแค่ไหน ว่าผิวของเราเริ่มมีปัญหา ซึ่งโดยส่วนตัวผมเชื่อว่า
ถ้าผิวของเรามีการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ยังไงก็สามารถช่วยชะลอการเสื่อมได้ค่ะ คราวนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าจุดไหนที่ทำให้หน้าดูอายุเยอะ แล้วถ้าเรามีงบจำกัด ควรเริ่มแก้จากตรงไหนก่อนดีให้ยังดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
3 จุดที่ทำให้หน้าดูมีอายุ
1.ตีนกา (Crow’s feet) หรือเส้นบริเวณรอบดวงตา สามารถเห็นได้ชัดตอนยิ้มบริเวณช่วงหางตา ลักษณะคล้ายกับฝ่าเท้าของกา คือ เป็นเส้นเล็ก ๆ และ แยกแตกออก 2 – 3 ขีด บางคนไม่ต้องยิ้ม หรือ หัวเราะก็สามารถเห็นเป็นริ้วชัดเจน
2. ร่องแก้ม (Cheek groove) ปัญหาเหล่านี้ผมว่าทำให้หน้าโทรมมากกว่าหน้ามีอายุ ใต้ตาดำยังใช้เครื่องสำอางปกปิดได้ แต่ร่องใต้ตากับ ถุงใต้ตามันมีมิติ อาจจะปกปิดยากนิดนึง และ ทำไมผมถึงรวมปัญหาพวกนี้เข้าด้วยกัน เพราะในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเราสามารถทำพร้อมกันได้ค่ะ
3. ใต้ตาดำ ถุงใต้ตา ร่องใต้ตาลึก (Tear trough) ปัญหาเหล่านี้ผมว่าทำให้หน้าโทรมมากกว่าหน้ามีอายุ ใต้ตาดำยังใช้เครื่องสำอางปกปิดได้ แต่ร่องใต้ตากับ ถุงใต้ตามันมีมิติ อาจจะปกปิดยากนิดนึง และ ทำไมผมถึงรวมปัญหาพวกนี้เข้าด้วยกัน เพราะในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเราสามารถทำพร้อมกันได้ค่ะ
งั้นควรแก้ไขอะไรก่อนดี?
ถ้าพิจารณาตามงบประมาณ และ ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ และ ควรทำให้เร็วที่สุด คำตอบก็คือ การฉีดโบท็อกบริเวณรอบดวงตาค่ะ ด้วยราคาของสาร Botulinum Toxin ที่ไม่สูงเท่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
เนื่องจากฟิลเลอร์แท้มีราคาที่ต้องจ่ายหลักหมื่น แต่ฉีดโบรอบดวงตา ราคาจะอยู่ที่หลักพันค่ะ แต่หมอก็จะขยายความเกี่ยวกับตีนกาให้เพิ่ม ว่าจริง ๆ แล้วมีกี่แบบ โบท็อกแก้ไขครอบคลุมได้จริง ๆ หรอ? อ่านต่อในบทความนี้ได้เลยค่ะ
ประเภทตีนกา
1. ตีนกาเริ่มต้น หรือ Dynamic Line เป็นตีนกาแบบที่ถ้าไม่ยิ้มไม่ได้หัวเราะก็จะไม่เห็นค่ะ แต่พอมีการขยับหน้าก็จะเห็นเป็นร่องรอยขึ้นมา เกิดได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ใช่ร่องรอยที่น่ากังวลเท่าไหร่ค่ะ
2.ตีนกาที่อยู่เฉยๆก็เห็น หรือ Static Line เป็นตีนกาประเภทไม่ต้องแสดงออกทางอารมณ์ก็เห็นได้ชัดเจน เป็นเส้นเป็นริ้วบริเวณใบหน้า เกิดจากการทำหน้าแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เช่น ใครที่ชอบขมวดคิ้ว ก็จะเห็นเป็นร่องชัดตรงนั้น
สำหรับกรณีตีนกาเริ่มต้นฉีดโบท็อกครั้งแรกก็เห็นผลแล้วค่ะ ถ้าเกิดเป็นรอยยับ ย่น ที่อยู่เฉย ๆ ก็เห็น อาจจะต้องมาฉีดโบท็อกซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นพัก คลายตัว และ สร้างคอลลาเจนเข้าไปในร่องลึกนั้นให้มันตึง เต็มได้นะคะ แต่ถ้าอยากให้ริ้วรอยหายเร็วกว่านั้นอาจจะใช้เลเซอร์ประกอบในการรักษาได้ค่ะ โดยช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น Picosure laser หรือ Venus viva ก็ได้
Venus Viva ฟื้นฟูผิวหน้าในเรียบเนียน
แสดงว่าคนที่มีตีนกาที่เห็นได้ชัดก็ต้องฉีดโบท็อกหลายครั้งใช่ไหมคะ
การฉีดโบสามารถช่วยได้ส่วนหนึ่งค่ะ เพราะรอยพับมันเป็นรอยที่เป็นขีด ๆ ที่อยู่ถาวรไปแล้ว ซึ่งก็ต้องให้เวลาร่างกายในการสร้างคอลลาเจนให้เพื่อเติมเต็มช่องนั้นให้เต็ม แต่ถ้าว่าภายใน 6 เดือนร่องลึกนั้นขึ้นมาเต็มก็อาจจำไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำค่ะ
แต่ถ้าภายใน 6 เดือนมันขึ้นมาบ้างแล้วบางส่วน และ เราไม่อยากให้มันไปพับจีบรอยเดิมก็แนะนำให้ฉีดซ้ำค่ะ โดยสามารถ Maintain ด้วยการฉีดอย่างน้อยปีละครั้งได้ค่ะ ถ้าเราเป็นคนที่ต้องแสดงออกทางสีหน้าบ่อย ๆ หรือเป็นคนที่ขำง่าย ยิ้มเยอะ ก็แนะนำค่ะ
ถ้าอายุน้อยแต่มีตีนกาสามารถมาฉีดได้เลยไหม
สามารถเข้ามาฉีดได้ค่ะ เพราะกายวิภาคของโครงหน้าแต่ละคนเนี่ยไม่เหมือนกัน อย่างเช่น ชนชาติหรือในคนบางกลุ่ม เบ้าตาค่อนข้างใหญ่ ตาค่อนข้างโหลก็จะมีริ้วรอยรอบดวงตาได้ง่าย
หรือมีลักษณะผิวที่ค่อนข้างบางก็จะเห็นรอยยับ ย่น ได้ง่าย อาจจะต้องมาฉีดก่อนคนที่มีผิวหน้าแข็งแรงค่ะ โดยในการปรึกษาหมอก็ฉีดจำนวนยูนิตที่เหมาะสม ไม่ใช่ล็อคหน้าไว้จนไม่สามารถขยับหน้าได้ แบบนั้นหน้าจะดูแข็ง ไม่สวย ไม่เป็นธรรมชาติค่ะ
Picosure Laser
คืออะไร!?
สรุป หน้าแก่ ดูมีอายุก่อนวัย แก้ไขตรงไหนก่อนดี
จริง ๆ ถ้าเป็นไปได้และมีงบประมาณ แนะนำว่าให้รักษารอบดวงตาพร้อมกันเลยค่ะ เพราะทั้งใต้ตา และ ตีนกา ทั้งสองอย่างนี้มันอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันจะทำให้เห็นประสิทธิภาพสูงสุด แล้วก็ทำให้ส่งเสริมการทำงานของกันและกันด้วย
เพราะว่า ถ้าเป็นรอยตีนกาเราจะใช้เป็นโบท็อกในการที่จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณ รอบดวงตาส่วนใต้ตาลึกเนี่ย เราจะใช้ฟิลเลอร์ ซึ่งช่วยเติมเต็มส่วนที่มันบกพร่องไป
ทีนี้ถ้าเกิดว่าการที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาเนี่ย แล้วเราฉีดฟิลเลอร์ไปด้วย ฟิลเลอร์มันก็ไม่ได้ขยับมาก มันก็จะช่วยให้อยู่ได้นานขึ้น ถ้าถามว่าจะทำอะไรก่อนดี ขึ้นอยู่กับความกังวลของคนไข้เลยค่ะว่ากังวลริ้วรอยหรือใต้ตามากกว่ากัน ถ้าให้แนะนำก็จะทำพร้อมกันเลยดีที่สุดค่ะ และจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวหลายรอบด้วย
สำหรับร่องแก้ม ถ้ามีเวลาและสะดวก ก็สามารถมาแก้ไขตามได้เลยค่ะ อย่างน้อยการมีร่องแก้มก็แปลว่าเรายิ้มเยอะ หัวเราะเยอะ
แต่มองแล้วอาจจะมีริ้วๆ หลายคนเลยไม่ปลื้มเท่าไหร่ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มก็จะช่วยให้ร่องแก้มไม่ลึกไปมากกว่าที่ควรเป็น คราวนี้หน้าก็จะดูอ่อนเยาว์ ไม่แก่ แน่นอนค่ะ
ขอบพระคุณครับ
นพ. ลัทธพล ม้าลายทอง (หมอเฟิสท์)
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและแก้ไขสายตา
First Clinic ฟิลเลอร์รอบดวงตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ