สรุป 5 ข้อควรรู้! ก่อนตัดสินใจ ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายจริงไหม?

1. เหมาะกับคนที่มีริมฝีปากเล็ก : ริมฝีปากบางหรือ ปัญหาปากไม่เป็นรูปทรง ไม่มีเชฟ ดูไม่สวย
2. มีปัญหามุมปากตก : ปากคว่ำ หน้าดุ ใช้ฟิลเลอร์ช่วยยกมุมปากให้เป็นทรงหวานขึ้นได้ครับ
3. มีริ้วรอยร่องปาก : ริ้วรอยปากลึก ลิปตกร่องประจำ ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม ช่วยให้ปากชุ่มชื้นขึ้น
4. ทาลิปสติกไม่สวย : ทาลิปสติกแล้วดูไม่เต็ม ดูไม่อวบอิ่ม หลังฉีดปากจะดูเต็มขึ้น ทาลิปสวยขึ้น
5. สร้างทรงปากกระจับ : ทรงปากสวยแบบไม่ต้องศัลยกรรมปากกระจับ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
6. ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์ : สังเกตจากปากของเด็กหน้าจะดูอวบอิ่ม ปากดูฟู ฟิลเลอร์ปากช่วยได้
7. อยากดูปากสายฝอ : เหมาะกับคนที่ชอบเทรนด์ฝรั่ง ดูปากอวบอิ่มเซ็กซี่ ปากดูเด่นทาลิปสวยขึ้น

ในเรื่องของคำถาม ฟิลเลอร์ปากใช้กี่ซีซี? บอกเลยครับว่าใช้น้อยมากครับ เพียง 1 cc ก็คือเต็มสวยแล้ว เรียกว่าใช้น้อย และ เห็นผลชัดเจนมากครับ ยกเว้นในบางเคสที่มีปัญหาเรื่องริมฝีปากบางมาก ๆ ผมอาจจะใช้เป็น 2 cc สำหรับบุคคลนั้นครับ ซึ่งต้องบอกว่าแล้วแต่กรณี โดยแพทย์ที่ฉีดให้จะช่วยประเมินปัญหาให้ก่อนครับ

ส่วนถ้าถามว่า ฉีดฟิลเลอร์ปากแพงไหม? ตามจริงขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ในแต่ละครั้งครับ ราคาส่วนใหญ่ตามคลินิกทั่วไป จะเริ่มต้นที่ 14,xxx – 20,xxx บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณ ความชำนาญของแพทย์ ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้

แพทย์จะเลือกให้เหมาะสมที่สุดครับ โดยคนไข้ควรระวังฟิลเลอร์ปลอม ไม่ควรตัดสินใจเพียงเพราะโปรโมชั่น เพราะบอกเลยครับ ว่าราคาแก้ฟิลเลอร์ปลอมแพงกว่านี้หลายเท่าตัว อีกทั้งผลข้างเคียงที่อันตรายมากครับ

• ควรหยุดการใช้ยา หรือ อาหารเสริมที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา
• ตรวจสอบว่าตัวเองไม่มีประวัติแพ้ฟิลเลอร์ ไม่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือ เลือดออกแล้วหยุดยาก
• งดการทำเลเซอร์บริเวณใกล้ริมฝีปาก อย่างน้อย 3 – 7 วัน และ ต้องงดหลังการฉีดฟิลเลอร์อีก 2 สัปดาห์
• งดการดื่มแอลกอฮอล์ก่อน หรือ การออกกำลังกายอย่างหนัก หลังการทำหัตถการ 24 ชั่วโมง