จริงๆ แล้วกระสามารถเกิดได้หลายปัจจัยมากๆ โดยหลักแล้วเราจะแบ่งออกมาเป็น 3 ปัจจัย นั่นก็คือ

1.สีผิว

เรื่องของสีผิวในปัจจัยนี้คนที่มีผิวคล้ำจะมีโอกาสเกิดกระได้น้อยกว่าคนผิวขาวค่ะ เนื่องจาก คนผิวขาว มีสารเมลานินในผิวที่น้อย ทำให้เมื่อเจอแสงแดดมีโอกาสที่เม็ดสีจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่สม่ำเสมอ เกิดเป็นกระขึ้นมาแทนที่ตามบริเวณจุดต่างๆ นั่นเอง

2.พันธุกรรม

ในส่วนนี้ก็เป็นอีกหนี่งปัจจัยเล็กๆ ที่สามารถเกิดกระได้เช่นกัน ถ้าคนในครอบครัวของเรามีกระ โอกาสก็ย่อมเกิดสูงมากกว่าคนปกติทั่วไป ส่วนมากแล้วจะพบในชาวยุโรปมากกว่าคนเอเชีย

3.แสงแดด

ส่วนนี้คือปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดกระเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะ แดดมีรังสียูวี ซึ่งไปกระตุ้นเมลาโนไซด์ทำให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวดำคล้ำหลังถูกแสงแดด เกิดเป็นกระสีเข้มขึ้นที่ผิวได้

ลักษณะของกระจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ

1.หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดกระ

สำหรับใครที่มีแนวโน้มว่าผิวบอบบาง อาจจะเป็นกระได้ง่าย ให้เริ่มจากการหลีกเลี่ยงแสงแดดก่อนอย่างแรกค่ะ อาจจะไม่ต้องถึงกับหลบแดด แต่เมื่อเจอแดดจัดให้หาแว่นกันแดด หรือใส่หมวก กางร่ม ป้องกันแสงแดด ก็สามารถช่วยได้ระดับนึง แต่ทั้งนี้ต้องอย่าลืมทาครีมกันแดดกันด้วยนะ เพื่อที่เราจะได้มั่นใจกับผิวของเรามากยิ่งขึ้นเวลาเจอแสงแดดนั่นเอง

2.ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

เข้าใจแต่ละคนมากๆ เลยว่า การเจอแดดเป็นอะไรที่เลี่ยงได้ยากสุดๆ ยิ่งใครที่ทำงานกลางแดด หรือ ต้องเจอแดดทุกวัน วันละหลายๆ ชั่วโมงก็คงจะเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นสิ่งที่สามารถทำได้ดีที่สุดก็คือ ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ แนะนำว่าให้ทาทุกวัน เลือกทาที่มีค่า SPF 30 PA++++ เป็นต้นไป ประสิทธิภาพในการกันแดดจะสูงกว่าปกติ และให้ทาวันละ 2 ครั้ง ก็จะทำให้ช่วยป้องกันผิวเราจากแสดงแดดได้มากขึ้นแล้วจ้า

3.เลือกใช้ AHA (กรดผลไม้)

กรดผลไม้ หรือ ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ‘AHA’ เป็นการขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป เพื่อเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน นอกจากนี้ AHA ยังช่วยกำจัดเม็ดสีเมลานินออกไปได้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าวิธีนี้อาจจะเห็นผลช้าไปสักหน่อย แต่ก็เป็นวิธีที่ปลอดภัย และค่อยๆ เห็นผลได้จริง รอยกระจะจางลงอย่างเห็นได้ชัด ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดจุดด่างดำที่แก้ยากได้อีกด้วย

4.เลเซอร์รักษากระบนใบหน้า

การรักษาด้วยวิธีนี้ก็ช่วยลดกระบนใบหน้าได้ดีเช่นกัน เหมาะกับคนที่ชอบทำเลเซอร์ และทนกับความเจ็บเล็กๆ ได้ส่วนนึงค่ะ การรักษาแบบนี้จะยิงคลื่นแสง ลงไปยังชั้นผิวด้านใน ทำให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตัวเอง ช่วยให้ผิวผลัดเซลล์ผิวได้ง่ายขึ้น

เรียกได้ว่าใครมีงบก็สามารถเลือกที่จะทำวิธีนี้ได้เลย รับรองว่าผลลัพธ์ดีเหมาะสมกับเงินที่จ่ายไปแน่นอน โดยวิธีนี้แนะนำให้ทำหัตถการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เพราะกระแต่ละคนอาจจะเป็นไม่เหมือนกัน

ต้องมีการประเมินก่อนทำ หรือ พูดคุย ปรึกษาก่อนทำ รักษาด้วยเครื่องมือที่อาจไม่เหมือนกัน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ทำนั่นเองค่า

5.ทำทรีทเมนต์เสริม

การทำทรีทเมนต์เป็นส่วนเสริมที่ช่วยกระตุ้นผิวหลังจากที่เราทำเลเซอร์มาแล้ว ซึ่งแนะนำว่าให้ทำควบคู่กันไปด้วย จะช่วยเสริมให้ผิวกระจ่างใสยิ่งถ้าเราใช้ส่วนผสมที่ตรงจุดในเรื่องการลดจุดด่างดำ หรือ ลดฝ้า กระ แล้วล่ะก็จะช่วยให้รอยเหล่านั้นค่อยๆ จางลงไปได้ค่ะ

นอกจากนี้การทำทรีทเมนต์ยังเป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่า ซ่อมแซมผิว และสามารถทำได้เองที่บ้านง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องออกไปคลินิกเสริมความงามนอกบ้านให้เสียเวลาเลย ดังนั้นเรามีสูตรทรีทเมนต์มาฝากกรุบๆ 3 สูตรจ้า

สำหรับใครที่อยากรักษากระ ลดรอยสิว หลุมสิว การทำ “Pico” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์มากๆ เลยค่ะ ก่อนที่เราจะไปรู้ข้อมูลว่าหัตถการนี้สามารถช่วยอะไรได้บ้าง ทำแล้วเห็นผลลัพธ์จริงหรือไม่ ? เรามาทำความรู้จักกันกับการทำ Pico เบื้องต้นก่อนดีกว่า

“Pico” หรือ Pico Laser เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยในการรักษากระสมัยนี้ ด้วยการใช้เลเซอร์รักษาปัญหากระ รอยสิว หลุมสิว รวมไปถึงจุดด่างดำบนใบหน้าต่างๆ โดยส่งความเร็วสูงสุดในระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที

โดยแสงเลเซอร์ที่ถูกดูดเข้าไปจะเปลี่ยนจากความร้อนเป็นแรงดัน ทำให้เม็ดสีเมลานินที่เรียงตัวเป็นกระจุกอยู่ แตกออกจากกันได้ง่าย (ซึ่งก็คือตัวฝ้า กระ และจุดด่างดำนั่นเอง) ทำให้เม็ดสีนั้นๆ จางลงในทันที

เห็นผลตั้งแต่รักษาครั้งแรก ไม่มีผลข้างเคียง แต่อาจจะแผลเป็นจากการยิงเลเซอร์เล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ Pico Laser ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจน สร้างอีลาสตินทั่วผิวหนัง ทำให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึง ผิวสดใสอีกด้วย

การทำ Picosure ที่ First Clinic ถือว่าเป็นหัตถการใหม่มากๆ ที่ทางเราพึ่งนำเข้ามา เครื่อง Pico ของเราใช้เทคโนโลยี Picosecond ปรับคุณภาพผิวแบบตรงจุด หลังทำหัตถการจะช่วยแก้ปัญหาฝ้า กระ รูขุมขนกว้าง รอยสิว หลุมสิว จุดด่างดำ ปากดำ รักแร้ดำ รวมไปถึงลบรอยแตกลาย และ รอยสักได้อีกด้วย

ทาง First Clinic ใช้เฉพาะเครื่องแท้ ตรวจสอบได้จริง และทำหัตถการโดนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใครสนใจทางคลินิกยินดีให้คำปรึกษาทั้งก่อนและหลังทำเคส เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้ผลลัพธ์ที่ตรงจุดค่ะ

สูตรนี้แนะนำให้ทำหลังล้างหน้าเสร็จ สามารถเลือกมาส์กหน้าที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี คอลลาเจน ที่จะกระตุ้นการทำงานของอีลาสตินใต้ผิวหนัง คืนความสดใส ความอิ่มน้ำให้กับผิวหน้าของเรา หรือ ถ้าใครไม่มีแผ่นมาส์กหน้าแนะนำว่าผัก-ผลไม้อย่าง มะเขือเทศ แอปเปิล สตอรว์เบอร์รี่ มาปั่นรวมกันและพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ก็ทำให้ผิวดูเฟรชขึ้นได้