กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะสามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง จากการลืมตาไม่สุด ดูตาปรือ ๆ ดูง่วงนอนตลอดเวลา เปลือกตาบนดูปิดลงมามากกว่าปกติ บางท่านก็ตาปรือข้างเดียว บางท่านก็เห็นเป็นตาปรือสองข้าง มักทำให้เกิดปัญหาชั้นตาไม่เท่ากัน
โดยเกิดจากกล้ามเนื้อยกเปลือกตาทำงานได้ไม่เต็มที่ เลยลืมตาได้น้อย ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งปัญหานี้ค่อนข้างส่งผลต่อด้านความสวยความงาม ทั้งในการแต่งหน้า บุคลิกภาพ และ ความมั่นใจในชีวิตประจำวัน
- อาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
- สาเหตุกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
- แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแบบไม่ผ่าตัด
- รีวิวฟิลเลอร์ตาสองชั้น
- สรุปกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
อาการของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

- หนังตาตกโดยกำเนิด ด้วยโครงสร้างใบหน้า
- ลืมตาได้ไม่เต็มที่ อาจจะมีตาขี้เกียจร่วมด้วย
- ชอบเลิกคิ้วเวลาลืมตา รู้สึกว่าหน้าผากย่นเวลาเปิดเปลือกตาเต็มที่
- ตาปรือ ชั้นตาไม่เท่ากัน ถึงแม้ว่านอนเต็มอิ่ม
สาเหตุของ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
คนที่มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือ ตาปรือ หนังตาตก อาจจะเกิดได้จาก

1) กรรมพันธุ์ คุณพ่อคุณแม่ หรือ ญาติทางบ้านเป็น เราก็จะมีโอกาสพบปัญหานี้ได้
2) เกิดจากอุบัติเหตุ ทำให้โครงกระดูกบริเวณใบหน้าผิดไปจากเดิม ในกรณีนี้คนไข้ควรพบจักษุแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยด้านปัญหาการมองเห็นอย่างน้อยปีละครั้ง
3) ในวัยรุ่น มักจะเกิดจากอาการภูมิแพ้ ตาแห้ง และ เกิดการขยี้ตาบ่อย ซึ่งไขมันบริเวณเปลือกตามีความ Sensitive กว่าจุดอื่น ทำให้ไขมันบริเวณเปลือกตาหายไปเห็นเป็นตาสามชั้นที่ดูปรือ ๆ บางทำให้คนยังอายุไม่เยอะ ก็มีปัญหาเบ้าตาลึกได้
4) อายุที่มากขึ้น อีกสาเหตุสำคัญของการมีตาปรือ กล้ามเนื้อตาตก จากกล้ามเนื้อที่ใช้ยกเปลือกตามีความหย่อนยาน จากการใช้งานบ่อย ร่วมกับไขมันที่หายไปบริเวณเบ้าตา เลยเห็นเป็นเบ้าตาลึกชัดเจน
แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง แบบไม่ผ่าตัด
สำหรับกรณีที่ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือ จากอุบัติเหตุ ลองมาดูกันครับว่า ไขมันที่หายไป คือส่วนไหนของบริเวณเบ้าตา แล้วการแก้ไขแบบไม่ผ่าตัด ทำได้อย่างไร?

มาทำความเข้าใจเรื่องกายวิภาคแบบง่าย ๆ กันก่อนครับ จากภาพด้านบนจะเป็นตัวอย่างชั้นตาในคนที่ไม่มีพันธุกรรมโครงกระดูกเบ้าตาสูง เบ้าตาลึก ซึ่งตอนเกิดมาช่วงเด็ก ถึง วัยรุ่นจะมีไขมันบริเวณ Pre-septal fat เต็มเป็นปกติครับ
เราเลยเห็นเป็นชั้นตาสวย ไม่ลึก ตาไม่โหลไม่ปรือ อีกทั้งการที่ไขมันบริเวณ Post-septal fat เต็มจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อในการยกชั้นตาทำงานได้ดี เนื่องจากไม่เกิดการพับของกล้ามเนื้อ ทำให้เปิด ปิดเปลือกตาได้อย่างเต็มที่นั้นเอง

แต่เมื่ออายุมากขึ้น บริเวณตรง Pre-septal Fat จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ หรือ หายไป เมื่อไขมันบริเวณดังกล่าวหายไป เลยทำให้เห็นเป็นตาสามชั้นก่อน แล้ว ค่อยกลายเป็นเบ้าตาลึกนั้นเอง อีกทั้งการที่ไขมันบริเวณ Pre-septal fat และ Post-septal fat เสื่อมไป ก็เหมือนไม่มีอะไรไปช่วยดันกล้ามเนื้อ
ทำให้กล้ามเนื้อยกตาเกิดการพับ การเปิดปิดเปลือกตา ก็จะทำได้ไม่ดีเหมือนก่อน เราเลยจะสังเกตเห็นได้ว่า คนที่มีเบ้าตาลึก เวลาเปิดตาสุด จะมีปัญหาเรื่องหน้าผากย่น เนื่องจากต้องใช้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากในการช่วยเปิดเปลือกตานั้นเอง
แก้ไขเบ้าตาลึก หน้าเด็กลง 10ปี!
จากคนไข้ที่ผมทำการแก้ไขจะเห็นได้เลยว่า เมื่อแก้ไขชั้นตาไปแล้ว เบ้าตากลับมาเต็ม ไม่เป็นเบ้าลึก การยกตาก็จะทำงานได้ดีขึ้น ไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากมาช่วยยก ทำให้ภาพหลังการแก้ไข เห็นชัดเลยครับว่า ชั้นตาเต็ม หน้าผากหายย่น ภาพรวมใบหน้าดูหน้าเด็กขึ้นมาก
ในกรณีที่คนไข้หน้าผากย่น แต่เห็นเป็นแค่ Dynamic Line (เส้นริ้วรอยที่เห็นเฉพาะตอนลืมตาโต หรือ ยกหน้าผาก) อาจจะไม่ต้องใช้สารลดริ้วรอยมาช่วยเลยครับ ถือว่าได้การแก้ไขปัญหาอื่นไปด้วยในการแก้ไขแค่เปลือกตาบน
แต่ถ้าคนไข้ท่านไหนที่หน้าผากยกจนชิน เห็นเป็นเส้นชัดเจนมาก ที่เรียกว่า Static Line แม้กระทั่งตอนหลับตาก็ยังเห็นเป็นริ้วรอยชัดเจน แนะนำว่า อาจจะต้องฉีดฟิลเลอร์ไปก่อน แล้วค่อยมาเก็บเส้นริ้วรอยให้ตื้นขึ้นด้วยการใช้สารลดริ้วรอย จะได้หน้าที่ดูเด็ก ดูเป๊ะมากขึ้นครับ
รีวิว ฟิลเลอร์ตาสองชั้น

ผมให้ลองดูเคสนี้ครับ คนไข้ยังอายุไม่มากเท่าไหร่ อยู่ในช่วงอายุ 25 – 30 ปีเท่านั้น แต่มีปัญหาตาสามชั้น แล้วถ้าสังเกตดี ๆ ตามที่ผมให้ความรู้ด้านบน จะเห็นได้เลยครับว่า หน้าผากดูย่น ดูขมวด ดูเกร็ง นั้นเป็นเพราะเวลาไขมันเปลือกตาหาย การทำงานของกล้ามเนื้อเปลือกตาก็จะไม่ดี เหมือนร่างกายที่ไม่แข็งแรงครับ เลยต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่นมาช่วยยก นั้นก็คือ บริเวณคิ้ว บริเวณหน้าผากนั้นเอง


หลังแก้ไขทันที จะเห็นชัดเลยครับว่า หลังจากที่แก้ไขเปลือกตาให้ดูเต็มแล้ว ปัญหาตาสามชั้นหายไป หน้าผากก็ดูผ่อนคลายมากขึ้นครับ ซึ่งถ้าคนไข้คนไหนยกหน้าผากจนกล้ามเนื้อมันเคยชิน อาจจะต้องรอเวลาให้กล้ามเนื้อดังกล่าวค่อย ๆ ปรับตัว ค่อย ๆ คลายตัว ก็จะได้หน้าผากที่ดูสมูธ ไม่ย่นเกร็ง เรียกได้ว่าเทคนิคนี้ ยิงปืนครั้งเดียวได้นกสองตัวเลยครับ
มาดูกันอีกสักเคสครับ จะได้เห็นเลยว่า ฟิลเลอร์ตาสองชั้น อัศจรรย์มากจริง ๆ


เคสนี้คนไข้ สังเกตหน้าผากก่อนที่ภาพก่อนการแก้ไขเลยครับ จะเห็นเลยว่า มีเส้นๆ เกิดขึ้นบริเวณหน้าผาก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เลิกคิ้ว ไม่ได้ยกคิ้ว ยิ่งพอรวมกับการที่ไขมันบริเวณเปลือกตาหายไป เลยอาจจะทำให้ภาพรวมใบหน้าดูเครียด ดูเกร็ง ๆ ทั้งที่ความจริงเราไม่ได้จะแสดงออกทางอารมณ์บนสีหน้าเลยด้วยซ้ำ
หลังแก้ไขเลยชัดเลยครับว่า หน้าผากดูผ่อนคลายมากขึ้น คิ้วก็ดูไม่ยกจนขมวด ภาพรวมใบหน้าก็ดูเด็กมากขึ้นจากการที่ฉีดแก้ไขเบ้าตาลึก
สรุป กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
การแก้ไขปัญหารอบดวงตาในปัจจุบันถือว่าสะดวกสบายขึ้นมากครับ แถมยังเจ็บตัวน้อย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย เรียกได้ว่า ฟิลเลอร์ตาสองชั้น เป็นอะไรที่เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบเป็นธรรมชาติ ดูไม่โอเวอร์เกินไป คนไข้หลายคนเลยตัดสินใจมาปรึกษากับผมเพื่อแก้ไขปัญหาตาสามชั้น เบ้าตาลึก ด้วยวิธีนี้กับผม
หากคนไข้ท่านไหนกำลังมีปัญหาดังกล่าว สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ First Clinic นะครับ ผมเป็นจักษุแพทย์ รับรองว่าที่เราไม่ได้เน้นแค่ความสวยอย่างเดียว แต่ต้องปลอดภัย และ ไม่เป็นก้อนด้วยครับ ผลลัพธ์ที่ได้ ต้องคุ้มค่ากับการลงทุนของคนไข้อย่างแน่นอน
เทคนิคใหม่!
ทำตาสองชั้นแบบไม่ต้องผ่าตัด!?
สรุปวิธีลดสิว รอยสิว
จากบทความข้างต้นนะคะ วิธีลดสิวและรอยสิว มีได้หลายหลายวิธีมากๆ ขั้นแรกเราต้องประเมินก่อนว่ารอยสิวของเรามีเยอะ หรือ มีลักษณะอย่างไรบ้าง หากใบหน้าของเราเกิดเป็นสิวอักเสบ ผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย ก็แนะนำว่าวิธีธรรมชาติข้างต้นที่เราได้ให้ไปนั้นน่าจะใช้ได้ผลดีเลยทีเดียว สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ที่เราได้แนะนำไปทั้งหมด 4 ตัวก็ล้วนเป็นไอเท็มติดบ้านที่ผิวเป็นสิวง่ายควรมีเลยค่ะ
แต่ถ้าหากใครต้องการแก้ปัญหาสิว รอยสิว อย่างเร่งด่วน การฉีดเมโสฝ้ากระ และ การทำ Pico Laser ตอบโจทย์อย่างถึงที่สุด แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าวิธีอื่นๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ตรงจุดอย่างแน่นอน ทาง First Clinic ของเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ยินดีให้คำปรึกษาทั้งก่อน-หลังทำทุกเคสค่ะ
ขอบพระคุณครับ
นพ. ลัทธพล ม้าลายทอง (หมอเฟิสท์)
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและแก้ไขสายตา
First Clinic ฟิลเลอร์รอบดวงตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ