ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยังไงให้ปลอดภัย? ตามจริงฟิลเลอร์ ถือเป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูงมากนะครับ เพราะว่าตัว Hyaluronic Acid ก็เป็นสารประกอบของคอลลาเจนที่มีอยู่ในผิวหนัง สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้หลายจุดทั่วทั้งหน้าครับ
ต้องบอกก่อนว่าฟิลเลอร์มีหลายประเภท หลายยี่ห้อ และ น้ำหนักของฟิลเลอร์แต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกัน
ซึ่งหากท่านยังไม่มีความรู้เรื่องฟิลเลอร์เลย สามารถกดอ่านได้ที่ เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์ ครับในที่นี้ผมจะอธิบายแค่ชนิด รวมถึงประเภทของฟิลเลอร์ที่เหมาะกับใต้ตานะครับ
สารบัญ
ชนิดของฟิลเลอร์
1.ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว
คือ สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เป็นการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่มีความปลอดภัยสูงสุด เป็น HA แท้ และ เป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่ผ่าน อย. นั้นหมายความว่า ในกรณีที่ฉีดแล้วมีปัญหา สามารถทำการสลายออก หรือ แก้ไขได้โดยการใช้สาร ไฮยาลูโรนิเดส (Hyarulonidase) ได้ครับ
ซึ่งตัวฟิลเลอร์แบบชั่วคราวก็จะมีโมเลกุลหลายแบบ ทั้งโมเลกุลเล็ก และ โมเลกุลใหญ่ ซึ่งทั้งสองโมเลกุลก็จะทำหน้าที่แตกต่างกัน โดยจะมีอายุอยู่ได้โดยประมาณ 1 – 2 ปี ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีด
เพราะเวลาฉีด ก็จะมีทั้งเพื่อแก้โครงสร้าง และ เพื่อการเติมเต็มสามารถศึกษาได้จากบทความ เลิกฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้าจะเป็นเหมือนเดิมไหม? ได้ครับ ต้องบอกว่าฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อนั้น มีน้ำหนักต่างกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจุดที่ต้องการแก้ไข ซึ่งในแง่ของฟิลเลอร์ชั่วคราว หลักเนื้อฟิลเลอร์ก็จะแบ่งได้อีก 3 แบบนะครับ
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม : HA จะอยู่ที่ประมาณ 12 เหมาะกับจุดที่มีการขยับบ่อย ๆ อาทิเช่นพวก Fine Line รอยตื้น ๆ บริเวณรอบดวงตา (Dynamic Line) ฉะนั้นฟิลเลอร์เนื้อนี้จะเหมาะกับบริเวณใต้ตามากที่สุดครับ
- ฟิลเลอร์เนื้อกลาง : HA จะอยู่ที่ประมาณ 15-18 ตัวนี้จะเหมาะกับรอยที่ค่อนข้างลึก เห็นได้ชัด (Static Line) เอาไว้เติมเต็ม เพิ่มวอลลุ่ม (Volumn) อาทิเช่น แก้มตอบ ร่องแก้ม
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง : HA จะอยู่ที่ประมาณ 20 ตัวนี้เน้นสำหรับการทำคอนทัวร์ (Contour) ครับ สร้างโครงชัด ๆ อาทิเช่น บริเวณคาง ตีกรอบหน้าให้เป็นทรงครับ
2.ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร
คือ ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของพวกแคลเซียม ฉีดแล้วจะไปกระตุ้นให้กระดูกมีการสร้างตัวเพิ่มขึ้น ใช้ในการฉีดบนกระดูก เพราะว่าเป็นตัวค่อนข้างแข็ง ไว้สำหรับทำ Contour ทำคาง เน้นโครงใบหน้า
ซึ่งตามจริงฟิลเลอร์ประเภทนี้ก็คือ ยังไม่มีตัวไหนผ่าน อย. ครับ แต่ต้องยอมรับว่าในบางประเทศมีใช้กันครับแต่สำหรับในไทย ถือว่ายังไม่ปลอดภัย และผมยังไม่แนะนำในการฉีดแก้ไขครับ เพราะเวลาฉีดไปแล้วมีปัญหายังแก้ไขไม่ได้ครับ หากอยากแก้โครงใบหน้าจริง ๆ แนะนำเป็นฟิลเลอร์แบบชั่วคราวตัวแข็ง จะปลอดภัยมากกว่าครับ
3.ฟิลเลอร์แบบถาวร
คือ พวกซิลิโคนเหลวครับ ปัญหาของฟิลเลอร์แบบถาวรคือมันหนัก คราวนี้เวลา ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มันก็มีโอกาสที่จะไหลได้ เกิดจากการที่พวกซิลิโคนเหลวเกาะตัวได้ไม่ดี
อาจจะเห็นได้ตามข่าว ตามทีวี ตามเว็ปบอร์ด อาทิเช่นใน Pantip ที่คนฉีดฟิลเลอร์ แล้วมีปัญหาส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดจากการใช้ซิลิโคนเหลวครับ
สังเกตง่าย ๆ ก็จะเป็นฟิลเลอร์ที่ราคาถูก ถึงถูกมาก ๆ หมอกระเป๋าชอบใช้กันนะครับ ส่วนใหญ่ก็จะเอาไว้ฉีดหน้าอกกัน เนื่องจากมันถูกและใช้ได้เยอะ แต่ฉีดไปสักพักนึงก็จะไหลลักษณะการไหลก็จะไหลจากบนลงล่าง เห็นชัดเป็นลำ เป็นก้อนนะครับ ที่สำคัญคือ ใช้การฉีดสลายออกก็ไม่ได้ ต้องทำการขูดออกเท่านั้นครับ
สรุป การเลือกฟิลเลอร์สำหรับบริเวณใต้ตา
ตามจริงการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ๆ สำหรับการแก้ไขปัญหาบริเวณใต้ตาที่ลึก หรือ พวกปัญหาถุงใต้ตา เพราะสามารถเติมเต็มได้ดีแบบไม่ต้องทำการผ่าตัด เพราะหากจะต้องศัลยกรรมบริเวณใต้ตา เราก็จะคำนึงในเรื่องของการพักฟื้น รอยแผลอะไรแบบนี้ใช่ไหมครับ
แต่พอมาเป็นฟิลเลอร์ในการแก้ไขเนี่ย ก็คือตัดประเด็นนั้นทิ้งไปได้เลย เพราะข้อดีหลัก ๆ ของการใช้สารเติมเต็มเนี่ย มันคือการที่เราไม่ต้องผ่า ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผล หรือ ไม่ต้องพักฟื้นนั้นเองครับ
บริเวณใต้ตาถือว่าเป็นจุดที่มีการแสดงออกทางอารมณ์เยอะ ไม่ว่าจะยิ้ม ร้องไห้ ถือว่ามีการขยับเยอะนะครับ ฉะนั้น ถ้าเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งไป ก็อาจจะดูเป็นก้อน หน้าดูแข็งนะครับ ฉะนั้นสรุปว่า แนะนำเป็นฟิลเลอร์แบบชั่วคราว เนื้อนิ่ม นะครับ
ไม่ควรเสี่ยงกับการใช้ฟิลเลอร์ประเภทอื่น ๆ หรือหลงเชื่อจากโปรโมชั่น เนื่องจากคุณต้องไปตามแก้ไขอย่างแน่นอนครับ การเห็นแก่ฟิลเลอร์ราคาถูก อาจส่งผลทำให้ทั้งเสียเวลาในการแก้ไข และ เสียเงินเพิ่มโดยใช่เหตุครับ หากท่านใดสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE : @firstclinic ได้เลยครับ
ขอบพระคุณครับ
นพ. ลัทธพล ม้าลายทอง (หมอเฟิสท์)
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและแก้ไขสายตา
First Clinic ฟิลเลอร์รอบดวงตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
