1.ใช้สกินแคร์ประเภทลดรอยสิว

หากใครนึกไม่ออกวิธีใกล้ตัวสุดๆ ที่ช่วยลดรอยสิวได้ก็คือ เลือกใช้สกินแคร์ประเภทที่ช่วยลดรอยสิว ลองใช้ตัวที่ผ่านการทดสอบว่าจะไม่ทำให้ผิวเกิดสิว (Non- Acnegenic) หรือ เลือกใช้สกินแคร์ประเภทที่ผิวบอบบางสามารถใช้ได้ ผิวเป็นสิวง่ายใช้ได้ จะมีสารที่ช่วยลดการเกิดต้นตอของสิว และ รอยสิวได้ค่ะ

ถ้าเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่ม Whitening จะไม่ค่อยตอบโจทย์สักเท่าไหร่ เพราะอาจจะช่วยได้แค่หน้ากระจ่างใส แต่จะทำให้รอยสิวจางช้าลงนั่นเอง

2.ทานวิตามิน

ใครที่เป็นสายขี้เกียจทาครีมแนะนำให้ลองวิธีนี้ค่ะ การทานวิตามินก็สามารถช่วยได้เหมือนกันแต่อาจจะไม่เร็วเท่าการทาครีมสักเท่าไหร่ แนะนำว่าหากเลือกทานวิตามิน ให้เลือกในกลุ่มของ วิตามินซี วิตามินอี

และควรศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดทุกครั้งก่อนทาน ถ้าทานให้ทานอย่างน้อย 1-2 เดือน ผิวจะปรับสภาพเป็นระยะ และค่อยๆ เห็นผลเองค่ะ

3.ใช้เจลว่านหางจระเข้

ถ้าให้พูดถึงสมุนไพรที่มีสรรพคุณพิเศษ รักษาผิวพรรณได้หลากหลายอย่าง ขอยกให้ ‘ว่านหางจระเข้’ ในหัวข้อของรอยสิวน้องเค้าก็สามารถช่วยได้เช่นกัน แนะนำให้เลือกเจลว่างหางจระเข้ 100% สดๆ แบบไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ มาทาบนผิว จะช่วยในเรื่องของการรักษารอยสิว รอยดำ รอยแดง สิวอักเสบ ได้ดีทีเดียวค่ะ

4.มาส์กหน้าด้วยสมุนไพร

สมุนไพรไทยบ้านเรานี่แหละค่ะช่วยได้ดีมากๆ หากใครที่ไม่อยากเสียตังค์ซื้อสกินแคร์แพงๆ ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ สมุนไพรที่แนะนำ ได้แก่ แตงกวา หอมแดง น้ำมันมะกอก มะละกอ น้ำผึ้ง เหล่านี้มีสรรพคุณที่ช่วยลดสิวอักเสบ รอยสิว รักษาจุดด่างดำ ทำให้ผิวกระจ่างใส ลดการหมองคล้ำของผิวได้ดีมากๆ แนะนำให้มาส์กครั้งละประมาณ 20 นาที ทำต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รับรองว่ารอยจะจางลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ

5.เลเซอร์สิวและรอยสิว

วิธีนี้เป็นวิธีที่ช่วยให้รอยสิวจางลงได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่อาจจะราคาสูงไปสักหน่อย จำนวนครั้งในการทำก็ขึ้นอยู่กับรอยว่าลึกขนาดไหน บางคนอาจจะประมาณ 3-5 ครั้งเลยก็ได้ค่ะ แต่ขอบอกว่าการเลเซอร์ถ้าเราเลือกทำที่คลินิกหรือโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือก็จะทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ปลอดภัย ประหยัดเวลา และเจ็บตัวน้อยที่สุด เรียกได้ว่าทำครั้งเดียวส่งผลดีในระยะยาวนั่นเอง

1.Tomei Anti-Acne Cream Plus

ตัวแรกเป็นเจลแต้มสิวตัวดังนั่นก็คือ “โทเมอิ” นั่นเองค่ะ ตัวนี้เป็น 2in1 ช่วยลดสิวอักเสบได้ รวมไปถึงช่วยลดเลือนจุดด่างดำให้จางลง บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่ลอก ไม่แห้ง และยังสมานผิวได้ดีอีกด้วย

2.Smooth E Cream

ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักแบรนด์ Smooth E แบรนด์เค้าเป็นที่โด่งดังมากๆ เกี่ยวกับเรื่องสิวโดยเฉพาะ ตัวนี้เป็นสูตรต้นตำรับ มีส่วนผสมจากสมุนไพรช่วยลดรอยดำ รอยแผลเป็น ริ้วรอยต่างๆ และยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส เรียกได้ว่าเป็นครีมในตำนานอีกตัวที่ใครๆ ก็ต้องนึกถึงและมีติดบ้านค่ะ

3.Eucerin Pro Acne Solution A.I. Matt Fluid

สำหรับแบรนด์ “Eucerin” แบรนด์เวชสำอางที่ใครๆ ก็รู้จัก เป็นอีกแบรนด์ที่เวลาเป็นสิว หรือ ผิวมีปัญหา บอบบางแพ้ง่ายสามารถใช้ได้ทั้งหมด สำหรับตัว Pro Acne ตัวนี้แก้ปัญหาสิวโดยเฉพาะค่ะ เค้ามี Salicylic acid ช่วยจัดการหัวสิว ลดสิวอุดตันได้ลึกถึงชั้นผิว ลดการสะสมของแบคทีเรีย เรียกได้ว่าครบครันมาก

4.Physiogel Soothing Care AI Cream

อีกหนึ่งตัวที่เป็นแบรนด์เวชสำอางและฮิตสุดๆ ในหมู่สาวๆ ก็คือแบรนด์ “Physiogel” ตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่มีอาการแพ้แบบสิวเห่อ สิวขึ้นอย่างหนัก จะช่วยลดอาการแพ้ สิวอุดตัน และทำให้ผิวหน้าแข็งแรงไม่ก่อให้เกิดสิวได้ง่าย บอกเลยว่าของ Physiogel เค้ามีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิวมากๆ ไม่ว่าใครจะเจอครีมรูปแบบไหนทำร้ายผิวมา กลับมาซบตัวนี้รับรองหายเป็นปกติแน่นอน

การเป็นสิวย่อมมาควบคู่กับกิจวัตรประจำวันอย่างการ ‘กดสิว’ วันนี้เรานำวิธีการกดสิวที่ถูกต้องมาฝากกันค่ะ

1.ล้างหน้าให้สะอาดก่อนกดสิว หลังล้างเสร็จใช้ผ้าสะอาดอุ่นๆ ประคบไป 10 นาที เพื่อให้รูขุมขนเปิดออก กดสิวได้ง่ายขึ้น

2.เตรียมเครื่องมือกดสิวให้พร้อม โดยจะมีอยู่ 2 แบบคือ แบบหัวแหลม และ หัวกลม ใครที่หัวสิวยังไม่เปิดแนะนำให้ใช้แบบหัวแหลมเพื่อเจาะหัวสิวก่อน จากนั้นล้างทำความสะอาดด้วยการเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ให้สะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรค

3.เริ่มกดหัวสิวโดยการใช้ปลายด้านหัวแหลมกดสะกิดเบาๆ ที่บริเวณหัวสิว และใช้ด้านห่วงกดเบาๆ เพื่อดันสิวให้ออกมา ระวังอย่ากดแรงนะคะเดี๋ยวจะเป็นรอยช้ำ ถ้าไขมันไม่ออกมาให้เว้นเวลาไว้ 1 วัน ค่อยกดใหม่

4.จากนั้นเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือแทนการใช้น้ำเปล่า เพราะ น้ำเกลือจะช่วยให้แผลหลังกดสิวแห้งไวขึ้น และยังลดรอยจากการกดสิวได้ดีอีกด้วย

หลายๆ คนน่าจะพอรู้จักกันหัตถการที่ชื่อว่า ‘เมโสเทอราปี’ กันมาพอสมควรจากหลายๆ บทความที่ทาง First Clinic ได้ให้ความรู้กันไป แน่นอนค่ะว่าเมโสเทอราปีเป็นการฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวหน้าหรือบริเวณที่คนไข้ต้องการทำหัตถการ โดยหลักๆ แล้วการฉีดเมโสมีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น Meso Fat / Meso หน้าใส ฉ่ำวาว / Meso เส้นผม และ Meso ฝ้า กระ

ในการลดรอยสิวจะจัดอยู่ในประเภท Meso ฝ้า กระ ค่ะ ทางเราจะทำการผลักสารบำรุงเข้าสู่ผิว เพื่อลดปัญหาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ปรับสีผิวให้เรียบเนียนเสมอกัน แก้ปัญหาเรื่องฝ้ากระอย่างตรงจุด ที่สำคัญหัตถการนี้สามารถลดรอยสิว จุดด่างดำได้อีกด้วย ซึ่งควรทำซ้ำ 1-2 อาทิตย์ จะทำให้ ฝ้า กระ จุดด่างดำนั้นๆ จางลงอย่างต่อเนื่องและหายไปในที่สุด

ข้อดีของการทำเมโส คือ มีประสิทธิภาพสูงกว่าการทาครีมทั่วๆ ไป สามารถรักษาปัญหาผิวได้อย่างเร่งด่วน ฉีดแล้วไม่ต้องพักฟื้นสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติค่ะ