ฟิลเลอร์หน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ใช้ฟิลเลอร์โดยประมาณอยู่ที่ 2-3 ซีซี ก็ดูสวย ดูเต็มขึ้นครับ โดยปริมาณฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้ ว่าต้องการผลลัพธ์ประมาณไหนครับ ปริมาณการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเลยไม่เท่ากันในแต่ละบุคคลครับ

ข้อดีหลัก ๆ ของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคือ ไม่ต้องผ่าตัด และ เจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดครับ ใช้เวลาพักฟื้นไม่เกิน 7 – 14 วันครับ และ สามารถปรับเพิ่มลดความนูนของหน้าผากได้ตามความต้องการของคนไข้ครับ

ขอย้ำเรื่องการใช้ฟิลเลอร์แท้ และ รักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ ทางเฟิสท์คลินิกมีการตรวจ ก่อน และ หลังทำหัตถการทุกเคส ผมมีการติดตามผลคนไข้หลังการฉีดฟิลเลอร์ในทุกจุด ไม่ต้องกังวลเลยครับ

ควรเป็นหน้าผากที่ใหญ่ มีความกว้าง และ สูงเหมาะสมรับกับรูปทรงใบหน้า ไม่ยุบบุบ ไม่แบน หรือ กระดูกไม่โปน จะเป็นคนที่ทรงภูมิปัญญา ฉลาด ไหวพริบดี และ มีความโหนก ไม่แบน ความโค้งกำลังดี แต่ไม่อูมมากจนเกินไปครับ

ถึงจะเป็นหน้าผากที่ดี หรือ หน้าผากรับทรัพย์ ถ้าไม่มีรอยแผล หรือ หลุมสิวใด ๆ จะสวยมาก ไม่ควรนำผมมาปิดหน้าผาก เพราะจะเป็นการปิดกั้นสิ่งดี ๆ โดยสามารถแก้ไขโหวงเฮ้งหน้าผากได้โดยการศัลยกรรมหน้าผาก หรือ ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ร่วมกับการกำจัดไรผมบริเวณหน้าผากให้เกลี้ยงเกลา จะช่วยทำให้มีหน้าผากที่กว้างขึ้น และ ได้รูปทรงมากขึ้น

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากไม่ใช่เพียงการปรับรูปหน้าเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับคนไข้ในการใช้ชีวิตด้วยครับ ตามจริงหลัก ๆ การแก้ไขหน้าผากมีหลายแบบมากครับ

ทั้งการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน จะมีข้อดีคือ มั่นใจได้ว่า จะไม่ไหลลงมาได้แน่นอน แต่ต้องการกรอบหน้าผากในบางเคส และ ยังไม่ยืดหยุ่น ปรับรูปทรงให้เข้ากับหน้าผากได้ยาก

อีกทั้งยังต้องเปิดแผลเป็นแนวจากเหนือหูข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง ทำให้มีแผลยาว ต้องพักรักษาตัวกันอีกครับ ยิ่งถ้าใครเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง หากท่านไหนมีอาการบวมแดงมาก อาจจะรู้สึกเขินอายระหว่างช่วงพักฟื้นได้ครับ อีกทั้งเวลาสัมผัสไป จะรู้ครับว่าเป็นซิลิโคน

สำหรับการฉีดไขมันที่หน้าผาก จะต้องมีการปลูกถ่ายไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายกายออกมา เพื่อมาฉีดกลับไปปรับรูปหน้าผาก ให้หน้าผากนูนขึ้น ข้อดีหลัก ๆ คือ เรามั่นใจได้ว่าไม่แพ้ เพราะเป็นการใช้ไขมันตนเอง แต่ข้อเสียคือ ถ้าใครผอมมาก ๆ จะไม่สามารถดูดไขมันมาใช้งานได้ครับ

การฉีดไขมันบางทีอาจจะต้องฉีดประมาณ 2-3 ครั้งเพราะ ไขมันบางทีฉีดไปแล้วไม่ติดครับ ไขมันเป็นสิ่งชีวิต ฉีดไป 10 อาจจะอยู่ได้แค่ 3 ในบางเคสครับ พอเราฉีดโอเวอร์ไปก่อน ก็อาจจะบวมหลังทำเสร็จได้ครับ

ยิ่งหากแพทย์ที่ทำการแก้ไขให้ไม่ชำนาญ หน้าอาจจะดูบวม ๆ ไม่ธรรมชาติได้ครับ และยิ่งถ้าฉีดเยอะเกินไปจนผิวยืดออก พอไขมันหายไป หน้าอาจจะไม่กลับมากระชับแบบเดิมครับ

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นการใช้สารเติมเต็มประเภท HA (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูง เลียนแบบคอลลาเจนในผิว มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามที่คุณหมอวิเคราะห์ปัญหา แต่ละรุ่นของฟิลเลอร์จะมีความหนัก และ โมเลกุลแตกต่างกันไปครับ

หลังทำเสร็จเห็นผลได้ทันที 80% อีกทั้งยังสามารถปรับลดได้ตามความต้องการของคนไข้ครับ ที่สำคัญคือ ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วมาก ประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยครับ

ด้วยความที่ฟิลเลอร์ค่อนข้างเป็นธรรมชาติมาก คนไข้สามารถค่อย ๆ ฉีดทีละน้อย ๆ เพื่อไม่ให้มีคนสังเกตุว่าไปทำอะไรกับหน้ามาได้ครับ เวลาจับก็จะดูเนียน เป็นธรรมชาติมาก

สองสิ่งที่ต้องระวัง และ ศึกษาให้รอบคอบก่อนคือ แพทย์ไม่ชำนาญบริเวณนั้น เพราะหน้าผากมีเส้นเลือดเยอะมากครับ และ อย่างที่สองคือ ระวังเรื่องการใช้ฟิลเลอร์ปลอมครับ เพราะผมเชื่อว่าคนไข้เวลาทำไปแล้วคงไม่อยากมาแก้ไขหลายรอบ ฉะนั้นก่อนทำหัตถการควรศึกษาให้ละเอียดทุกครั้งครับ

1.ขั้นตอนเข้ารับคำปรึกษา : หลังจากนัดคิวเพื่อเข้ารับการปรึกษากับทาง First Clinic เพื่อฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแล้ว คุณจะทำการประเมินปัญหา และ การแก้ไข คนไข้ควรงดยากลุ่มแอสไพริน หรือ วิตามิน ล่วงหน้า 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ

2.ขั้นตอนการทำความสะอาดใบหน้า : คนไข้สามารถแต่งหน้าเบา ๆ มาก่อนได้ครับ เพราะก่อนทำทุกหัตถการเราจะมีการคลีนหน้าให้คนไข้อยู่แล้ว หรือจะไม่แต่งหน้ามาเลยก็ได้ครับ

3.ขั้นตอนหัตถการ : ในขั้นตอนการทำหัตถการจะใช้เวลาโดยประมาณ 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณของการฉีดฟิลเลอร์ และ ความยากง่ายของแต่ละเคส โดยคุณหมอจะค่อนข้างใช้เวลานิดนึงเนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์เหมือนงานศิลปะครับ ต้องค่อย ๆ เติมให้คนไข้ดูสวยที่สุด

4.ขั้นตอนการทำความสะอาดแผล : ในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะมีรอยเข็มเล็ก ๆ โดยจะมีการทายา และ ปิดปากแผลให้ โดยหลังจากการปิดปากแผล 15 นาที คนไข้ก็สามารถนำแผ่นปิดปากแผลออกได้เลยครับ

โดยบางรายอาจจะมีอาการบวมเกิดขึ้น แนะนำให้รับประทานยาตามแพทย์สั่ง นอนหมอนสูง และ ใช้น้ำแข็งประคบเบา ๆ เพื่อลดอาการบวมได้ครับ

สำหรับการดูแลตัวเองก่อน – หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หลักๆจะเหมือนการฉีดฟิลเลอร์แบบปกติครับ โดยสามารถศึกษาได้ที่ การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ครับ

ต้องบอกตามตรงว่ามีความอันตรายสูงอยู่ครับ เนื่องจากเป็นจุดที่มีเส้นเลือดเชื่อมต่อไปยังส่วนของจอประสาทตา ซึ่งแน่นอนครับ หากแพทย์ที่ฉีดให้ไม่มีความชำนาญมากพอ อาจจะทำให้คนไข้ตาบอดได้

ฉะนั้น ผมย้ำเหมือนเดิมครับว่าควรฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญสูง ศึกษาด้านฟิลเลอร์ เข้าใจประเภทของฟิลเลอร์เป็นอย่างดี เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น ผมรับรองว่าคนไข้จะได้ผลลัพธ์ที่สวย น่าพึงพอใจ ไม่เสียเวลาไปตามแก้ และ ปลอดภัยครับ

ตามจริงปัญหาข้างต้นสาเหตุหลักถ้าไม่ใช่เรื่องการใช้ฟิลเลอร์ปลอม จะเป็นเรื่องของความชำนาญของแพทย์เลยครับ ซึ่งถ้าหากมีปัญหานี้หมายความว่า แพทย์ที่ทำหัตถการให้ฉีดผิดชั้น ผิดจุด ฉีดตื้นเกินไปก็กลายเป็นคลื่นเป็นลอน ผลลัพธ์ที่ได้เลยมีลักษณะไม่เรียบเนียน เป็นคลื่น ไหลย้อยครับ

ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องไม่สวยอย่างเดียวนะครับ แต่อาจทำให้เกิดอันตรายกับคนไข้ได้ด้วย อย่างที่ผมได้บอกไว้ว่าการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมีความอันตรายเนื่องจากใกล้จุดเส้นเลือดที่เชื่อมไปยังจอประสาทตาครับ จะสวยทั้งที ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยนะครับ

การฉีดฟิลเลอร์จึงควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และ ความชำนาญสูงเท่านั้นเพื่อป้องกันผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ ต้องคอยไปตามแก้ นอกจากจะไม่สวยแล้วยังทำให้เสียเวลาอีกด้วยครับ

ถ้าถามว่าฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หรือ ผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนแบบไหนดีกว่ากัน ผมขอแยกประเด็นทั้งด้านดีและด้านเสียให้คนไข้พิจารณากันแบบชัด ๆ เลยนะครับ ส่วนคนไข้ชอบแบบไหน สามารถเลือกได้ตามสมควรเลยครับผม

• แพทย์มีศักยภาพ สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ถูกชั้น ถูกจุด ตรงกับความต้องการของคนไข้
• คลินิกมีมาตรฐาน สะอาด และ มีความน่าเชื่อถือสูง
• คุณหมอเป็นอาจารย์แพทย์ มีประสบการณ์สูง และ มีการอัพเดตข้อมูลความรู้ทางการแพทย์ตลอดเวลา
• มั่นใจได้ถึงความสวย และ ความปลอดภัย หมดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน