First Clinic
ฟิลเลอร์คาง คือ การใช้สารเติมเต็มประเภท HA แท้ หรือ Hyaluronic Acid ในการปรับโครงหน้าบริเวณช่วงล่างให้ดูสมส่วน เข้ารูปมากขึ้น แก้ปัญหาคางสั้น คางไม่เป็นทรง คางตัด คางบุ๋ม ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนไข้ที่ไม่มั่นใจในคางของตัวเอง
อ่านฟิลเลอร์คางเพิ่มเติมคลินิกความงามชั้นนำ ด้านฟิลเลอร์รอบดวงตาโดยจักษุแพทย์ และศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยให้คุณได้เป็นตัวเองในแบบที่สวยที่สุด
สารบัญเนื้อหา
คุณหมอเฟิสท์มีความเชี่ยวชาญด้านฟิลเลอร์รอบดวงตา และเป็นอาจารย์แพทย์ด้านฟิลเลอร์ประจำบริษัท Allerfan (AMI Trainer) เรื่องฟิลเลอร์ไว้ใจคุณหมอได้
คุณหมอเฟิสท์ดูแลและแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าหลายร้อยเคส ได้รับความพึงพอใจกว่า 99% คุณหมอประณีตกับทุกเคส รับประกันความสวย คุ้มค่ากับคนไข้อย่างแน่นอน
ที่คลินิกเราใช้แต่ฟิลเลอร์เกรดพรีเมี่ยม แก้ปัญหาให้ตรงกับความต้องการคนไข้ ไม่ใช้ฟิลเลอร์เยอะในครั้งเดียว การฉีดเยอะมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดปัญหาการเป็นก้อนได้
ฟิลเลอร์คาง คือ การใช้สารเติมเต็มประเภท HA แท้ หรือ Hyaluronic Acid ในการปรับโครงหน้าบริเวณช่วงล่างให้ดูสมส่วน เข้ารูปมากขึ้น
แก้ปัญหาคางสั้น คางไม่เป็นทรง คางตัด คางบุ๋ม ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนไข้ที่ไม่มั่นใจในคางของตัวเอง
คนไข้ที่ต้องการปรับรูปหน้า แต่ไม่อยากศัลยกรรมคาง การฉีดฟิลเลอร์คางก็ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่แก้ปัญหาได้รวดเร็ว และ ปลอดภัย
อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้นครับ อย่างไรก็ตามทุกการทำหัตถการเราก็ควรศึกษาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเสมอเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นบนใบหน้าของเรา
สัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio คือ ศาสตร์แห่งการวัดสัดส่วนด้านความงาม มีที่มาจากนักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อว่า เลโอนาร์โด ฟีโบนัชชี คิดค้นและออกแบบ Golden Ratio เพื่อคำนวณ
และ กำหนดความสวยงามของสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่าย งานศิลปะ งานสถาปัตยกรรม โลโก้ หรือแม้แต่ การออกแบบใบหน้านั้นเองครับ
สัดส่วนทองคำสามารถนำมาคำนวณสัดส่วนของใบหน้าด้านผ่านการคำนวณหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น
แน่นอนครับพอเป็นการฉีดด้วยสารเติมเต็ม ต้องเหมาะกับคนที่อยากสวย หน้าเรียว คางเป็นทรง แต่ไม่มีเวลา หรือ ไม่พร้อมสำหรับการทำศัลยกรรมคาง
การฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อปรับรูปหน้าก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยปรับใบหน้าให้ดูสมดุล มีสัดส่วนที่สวยงามตามความต้องการของคนไข้
โดยข้อจำกัดก็คือ อาจจะไม่เหมาะกับคนที่อยากได้ผลลัพธ์คางที่ดูยาวมาก ๆ ไม่เช่นนั้นผมจะแนะนำให้ทำการผ่าตัดเสริมด้วยซิลิโคนมากกว่าครับ เพราะฟิลเลอร์เป็นเพียงสารเติมเต็มที่จะช่วยให้คางได้ทรงขึ้น ยาวขึ้นในระดับที่ยังดูธรรมชาติอยู่เท่านั้นครับ
หากได้รับการทำหัตถการโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ Dermal Filler ใช้ฟิลเลอร์แท้ สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ 100% อีกทั้งได้รับการฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็ไม่เป็นอันตรายครับ แต่ไม่ใช่หมอทุกท่านจะทำได้ดีเนื่องจาก หากฉีดไม่ถูกต้อง นอกจากผลลัพธ์จะไม่สวยแล้ว พอฉีดไปนาน ๆ สามารถเจอปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนได้ครับ การเลือกแพทย์ หรือ คลินิกเลยมีความสำคัญมาก
ต้องบอกตามตรงว่า ทั้งสองวิธีนั้นมีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของสารที่ใช้ และ เทคนิคการเสริมสวย ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ก็คือช่วยในการปรับรูปหน้าของคนไข้ให้ดูดีขึ้น ซึ่งใครอยากทำวิธีไหนก็ตามความชอบ ความสะดวกเลยครับ แต่ผมขออธิบายความแตกต่างของสองวิธีนี้ง่าย ๆ ตามนี้ครับ
การผ่าตัดศัลยกรรมคาง เป็นการใช้ซิลิโคนเสริมเข้าไปบริเวณคาง ให้คางดูยาวขึ้น เป็นทรงมากขึ้นตามความต้องการของคนไข้ เป็นการผ่าตัดเสริมเข้าไป นั้นหมายความว่า จะต้องมีการพักฟื้น รอคางเข้าที่ประมาณ 1 – 3 เดือนแล้วแต่คน จับคางแล้วอาจจะดูแข็ง ๆ สัมผัสดูไม่ใช่เนื้อคนไข้จริง ๆโดยมีข้อดีก็คือ อยู่ได้ยาวตลอดชีวิต ไม่มีการสลายหายไป ข้อเสียคือ ถ้าหากการผ่าตัดมีความผิดพลาด ทรงคางที่ได้มา ถ้าไม่ได้ชอบ หรือ เปลี่ยนความชอบไป อาจจะต้องผ่าตัดถอดคางออก และ ทำการผ่าตัดใหม่ อาจจะทำให้คนไข้เสียเงินโดยใช่เหตุ เจ็บตัวหลายรอบ และ พักฟื้นหลายครั้งครับ
การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นเพียงการใช้เข็มนำสารเติมเต็มฉีดเข้าไปยังบริเวณคาง ไม่ใช่การผ่าตัดศัลยกรรม แปลว่าคนไข้ไม่ต้องพักฟื้น โดยคางที่ได้ จะเข้าที่อย่างรวดเร็วเต็มที่ในระยะเวลา 2 สัปดาห์เท่านั้น สัมผัสที่ได้หลังการฉีดคาง จะดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่รู้เลยว่าฉีดฟิลเลอร์มาถึงแม้ว่าฟิลเลอร์อาจจะสลายไปตามธรรมชาติ แต่เราสามารถเติมซ้ำได้โดยไม่เป็นอันตรายหากได้รับการฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง และหากฉีดไปแล้ว ไม่ชอบทรงคางแบบนี้ ก็สามารถสลายออกอย่างไม่เป็นอันตรายเช่นกันครับ เรียกได้ว่า ถ้าเทรนด์ทรงคางเปลี่ยนไป เราก็สามารถปรับได้ด้วยการฉีดเท่านั้น
การฉีดฟิลเลอร์คางโดยปกติจะเริ่มต้นที่ 1 ซีซี สำหรับการฉีดเติมบริเวณคางให้ดูเรียวยาวขึ้น แต่ถ้าหากคนไข้อยากให้คางสวยเหมือนดารา ดูรับกับรูปทรงปากตั้งแต่บริเวณหน้าคาง ฐานคาง กรอบหน้า ส่วนใหญ่จะใช้ที่ 2 – 3 ซีซี เพื่อปรับเปลี่ยนบริเวณหน้าช่วงล่าง (Lower Face) ให้ดูสวยเข้ารูปครับ
การบวมหลังการทำหัตถการถือเป็นเรื่องปกติครับ เพราะมีเข็มฉีดเข้าไปยังผิวหน้า จะต้องมีการบวม อาการอักเสบเป็นธรรมดาในเบื้องต้น โดยปกติแล้วอาการบวม จะหายไปเองประมาณ 3 – 7 วันครับ
หากมีรอยช้ำจากเข็มเล็กน้อย ไม่ต้องกังวลไป รอยจะหายไปเองตามธรรมชาติ หลังจากนั้น 2 อาทิตย์คางก็จะเข้าที่สวยงามครับ หลัก ๆ ก็ปฏิบัติตามแพทย์สั่ง ทานยาให้ครบ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ไม่ควรทำ แค่นั้นครับ
อายุฟิลเลอร์แท้โดยปกติ จะเฉลี่ยอยู่ที่ 1 – 2 ปีครับ แล้วแต่บริเวณที่ฉีดการสลายเร็ว ช้า ก็จะมีความแตกต่างกันไป
อย่างเช่น ถ้าเป็นฟิลเลอร์ปาก อาจจะไปไวหน่อย เนื่องจากเรามีการขยับปากเยอะ ทั้งบริโภคอาหาร การพูด การแสดงออกทางอารมณ์
แต่สำหรับฟิลเลอร์คาง อาจจะไปช้าหน่อยครับ คนไข้บางคนถ้าดูแลตัวเองดี ๆ ไม่เท้าคาง ไม่ไปกดบีบนวดบริเวณที่ฉีดบ่อย ๆ และ ได้รับการฉีดคางกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง ฉีดถูกชั้น ถูกจุด ผลลัพธ์ที่ได้สามารถอยู่ได้ยาวนานสูงสุดอยู่ที่ 2 – 3 ปีครับ
หากฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ ที่เป็น HA จะมีความปลอดภัยสูงสำหรับการฉีดบริเวณหน้า โอกาสเป็นก้อนจะน้อยมาก ๆ ถ้าได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งถ้าฉีดแล้วไม่พอใจ สามารถสลายออกได้ด้วยสารไฮยาลูโรนิเดส
แต่ถ้าเป็นฟิลเลอร์ปลอม โอกาสเป็นก้อนสูง อีกทั้งยังสลายไม่ได้ ต้องผ่าตัด หรือ ขูดออกเท่านั้น เสียเงิน และ เวลาเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุครับ
ฟิลเลอร์มีหลายประเภท หลายโมเลกุล หลายเนื้อครับ สำหรับการฉีดคาง ควรใช้ฟิลเลอร์ที่โมเลกุลใหญ่ มีความหนานแน่น และ ค่อนข้างอยู่ตัว
เพราะเวลาฉีดปรับรูปทรงคางจะได้เป็นทรงสวย ไม่เปลี่ยนทรง และ ดูเป็นธรรมชาติรับกับใบหน้าของคนไข้ ยิ่งหมอมีทักษะในการฉีดมาก ฟิลเลอร์ก็ยิ่งอยู่ได้นาน คางเป็นทรงนานขึ้นครับ
อย่างที่บอกว่าเทคนิคการฉีดก็มีความสำคัญมากในทุกจุดสำหรับ Dermal Filler หากฉีดตื้นเกินไป ผลลัพธ์อาจจะชัดเจน แต่หลังจากนั้นโอกาสเป็นก้อนก็มีสูงเหมือนกัน
หากฉีดในชั้นที่เหมาะสม นอกจากผลลัพธ์จะสวยตามความต้องการ ไม่เป็นก้อนแล้ว ยังส่งผลให้ฟิลเลอร์หายไปช้าลงด้วยครับ
ที่สำคัญกว่านั้น แพทย์ที่ฉีดให้นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญด้านฟิลเลอร์แล้ว ควรจะมีความรู้ด้านสรีระวิทยาบนใบหน้าของมนุษย์ และ มีความชำนาญในการออกแบบและปรับรูปหน้า เนื่องจากหน้าคนเรามีความแตกต่างมาก ไม่สามารถใช้วิธีการแก้ไข แบบ Copy / Paste กับคนไข้ทุกคนได้ครับ
จะเลือกวิธีแก้ไขทรงคางแบบไหน คนไข้อาจจะต้องถามตัวเองก่อนครับ ว่ารับผลลัพธ์แบบไหนได้ อย่างการศัลยกรรมเสริมคาง ผลลัพธ์อาจจะอยู่ได้นานกว่า แต่ก่อนต้องเลือกหมอที่มีฝีมือจริง ๆ
เพราะถ้าเกิดความผิดพลาด การแก้ไข หรือการเอาซิลิโคนออก ย่อมยากกว่าการเสริมคางด้วยซิลิโคนครั้งแรกอยู่แล้วครับ เพราะผิวตรงคางอาจจะไม่ได้ดีเหมือนเดิม เพราะมีการเสียดสี การอักเสบเกิดขึ้น ทางที่ดีควรเลือกให้เหมาะสมตั้งแต่ครั้งแรกครับ
ส่วนการฉีดฟิลเลอร์คาง ผมก็แนะนำสำหรับคนไข้ที่ไม่มีได้มีปัญหาคางหนักมาก คางไม่ได้สั้นถึงขนาดต้องศัลยกรรม แต่ต้องการปรับรูปทรงคางให้เรียวยาวกำลังดี หลังการแก้ไขคางจะดูเป็นธรรมชาติมาก
เพราะเป็นเพียงการใช้สารเติมเต็มปรับแต่งคาง และถ้าเวลาผ่านไป คนไข้อยากมาเติมคาง หรือ เปลี่ยนทรงใหม่ ก็สามารถทำได้ครับ ยังไงถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ สามารถปรึกษาได้ที่ First Clinic ครับ