คุณหมอเฟิสท์มีความเชี่ยวชาญด้านฟิลเลอร์รอบดวงตา และเป็นแพทย์สอนฉีดด้านฟิลเลอร์ประจำบริษัท Allerเan (AMI Trainer) เรื่องฟิลเลอร์ไว้ใจคุณหมอได้
คุณหมอเฟิสท์ดูแลและแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าหลายร้อยเคส ได้รับความพึงพอใจกว่า 99% คุณหมอประณีตกับทุกเคส รับประกันความสวย คุ้มค่ากับคนไข้อย่างแน่นอน
ถุงใต้ตา ถือเป็นปัญหาที่พบได้เยอะทั้งผู้ชาย และ ผู้หญิงครับ อีกทั้งยังเป็นปัญหาที่พบได้ในทุกช่วงอายุอีกด้วย อยู่ที่ว่า ใครเป็นมาก ใครเป็นน้อย
สาเหตุแรกของการมีถุงใต้ตา สามารถเกิดมาจากกรรมพันธุ์ครับ โดยถุงใต้ตาที่เกิดจากกรรมพันธุ์ เราจะเรียกว่า “ถุงใต้ตาแท้”
สาเหตุมาจากระบบต่อมไร้ท่อในร่างกายทำงานผิดปกติ ไขมัน ของเหลวเลยมีการรวมตัวบริเวณผิวใต้ตา ทำให้เกิดการป่องนูน แต่ก็ยังสามารถเกิดได้จากการหย่อนของเนื้อเยื่อที่รองรับถุงไขมันตามอายุได้อีกด้วย
โดยจะสังเกตุได้ง่ายในผู้สูงอายุ ที่ผิวบริเวณใต้ตาจะหย่อนลงมา ปกติบริเวณใต้ตาเรา จะมีชั้นพังผืดกั้นเบ้าตา (Orbital Septum) ที่จะทำหน้าที่กั้นไขมันของเบ้าตาไม่ให้ปูดออกมา
แต่พอเวลาผ่านไป อายุมากขึ้น ความหย่อนคล้อยก็เกิดมากขึ้น ทำให้ไขมันเริ่มปูดออกมาเห็นเป็นชั้นถุงใต้ตาอย่างชัดเจน
โดยในเคสที่เป็นไม่มาก อาจจะใช้ฟิลเลอร์แต่งแก้ไขได้ ส่วนในเคสที่เป็นมากจะใช้การผ่าตัดแก้ไข โดยนอกจากจะแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาได้แล้ว แพทย์จะจัดเรียงไขมันให้อยู่ในบริเวณที่เหมาะสม เพื่อให้หลังทำผลลัพธ์ออกมาดูสวยครับ โดยจะใช้การฉีดฟิลเลอร์ หรือ การผ่าตัดวิธีไหน แพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นคนเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดให้คนไข้ครับ
มีถุงใต้ตาแท้ ก็ต้องมีถุงใต้ตาเทียม หรือ เรียกง่าย ๆ ว่า ตาบวม ครับ ถ้าถามว่าเกิดจากอะไรบ้างก็จะเป็นพฤติกรรม เช่น ร้องไห้หนักมาก ภูมิแพ้ ขยี้ตาบ่อย อดนอน นอนดึกเป็นประจำ รับประทานเค็มมาก โดยถุงใต้ตาเทียมเกิดได้เอง และ หายได้เองครับ เพียงแค่ไม่ใช้สายตามากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ ประคบเย็น เป็นต้น
เป็นการใช้วิธีผ่าตัดเพื่อแก้ปัญหาถุงใต้ตา โดยในปัจจุบัน จะมี 2 เทคนิคครับ เทคนิคแรกจะเป็นการผ่าตัดผ่านทางผิวหนัง
เหมาะกับผู้ที่มีถุงไขมันใต้ตามาก ผิวใต้ตาหย่อนมาก ส่วนเทคนิคที่ 2 จะเป็นการผ่าตัดเทคนิคพิเศษ ไร้รอยแผล โดยผ่าตัดผ่านทางเยื่อบุตา
ข้อดีของการผ่าตัดถุงใต้ตาคือ เป็นการดูดไขมันออกไป เลยทำให้ปัญหาถุงใต้ตาไม่กลับมาเป็นอีก แต่ข้อเสียที่สามารถพบได้คือ บางท่านอาจประสบปัญหาร่องตาลึกในบางเคส ขึ้นอยู่กับเทคนิค และ ความชำนาญของแพทย์ โดยในการปรึกษาแพทย์ จะพิจารณาอีกทีว่าเราเหมาะสมกับวิธีไหน
เป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังบริเวณร่องใต้ตา โดยแพทย์จะทำการตกแต่งบริเวณใต้ตาให้ดูเรียบเนียน แก้ไขปัญหาใต้ตาที่เป็นถุงให้ดูชัดน้อยลง การแก้ไขโดยการเติมฟิลเลอร์ต้องใช้แพทย์ที่มีความชำนาญมากครับ
ถ้าทำไม่ดี อาจจะเป็นก้อนบริเวณใต้ตาได้ และ ถ้าทำไม่ดี อาจทำให้ถุงบริเวณใต้ตาดูใหญ่กว่าเดิมได้ครับ ฉะนั้น ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ
โดยวิธีนี้อาจจะเห็นผลเพียงระดับหนึ่ง เห็นผลไม่ชัดเจนเท่ากับสองวิธีแรกครับ สำหรับท่านที่ประสบปัญหาถุงใต้ตาเยอะ จะแนะนำเป็นการผ่าตัดเพื่อนำไขมัน ของเหลว และ ปรับผิวบริเวณใต้ตาให้เรียบเนียนด้วยการผ่าตัดถุงใต้ตาแทนครับ
1. พบแพทย์เพื่อทำการรับคำปรึกษาก่อนทำหัตถการ : ตาก่อนการทำหัตถการทุกครั้ง จะต้องพบแพทย์เพื่อทำการประเมินปัญหาถุงใต้ตาครับ เพราะบางท่านเป็นไม่มาก และ อายุยังน้อย อาจจะแนะนำเป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาครับ
หรือ บางท่านถุงใต้ตาเยอะมาก หรือ ถุงใต้ตาห้อยมาก อาจจะแนะนำเป็นการผ่าตัดถุงใต้ตาด้านนอกแทนครับ เพราะจะสามารถเก็บดึงหนังตาด้านล่างขึ้นไปให้กระชับได้ด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม ถ้ารู้สึกมีปัญหาถุงใต้ตา อย่างแรกคือ แนะนำให้มาพูดคุยกันก่อนครับ ว่าแก้ไขวิธีไหนดี ผมเป็นจักษุแพทย์ รับประกันได้ว่าผมจะเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด เห็นผลจริง และปลอดภัยให้กับคนไข้ครับ
2. ทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตา : คนไข้สามารถแต่งหน้ามาก่อนได้ครับ โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ หรือทางที่ดี แนะนำว่าไม่ควรแต่งหน้ามาจะดีที่สุดครับ เพื่อไม่ให้มีเศษเครื่องสำอางตกลงไปบริเวณดวงตา เพื่อความสะอาดสูงสุดในการทำหัตถการครับ
3. ใช้ยาระงับความรู้สึก : ในขั้นตอนนี้แพทย์จะทำการหยอดยาชา 3-4 ครั้งบนดวงตาของคนไข้ครับ บางท่านอาจมีความรู้สึกตามัว มองไม่ชัด ถือเป็นเรื่องปกติครับ ไม่ต้องกังวลไปครับ เมื่อเสร็จเรียบร้อยจะกลับมามองเห็นชัดปกติครับ
4. ใส่ Eye Shield บนดวงตา และ ฉีดยาชาบริเวณเปลือกตาด้านล่าง : ลักษณะของการใส่ Eye Shield ก็คือการใส่วัสดุแบบ Contact lens บนดวงตาเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบ กระเทือน หรือ ทำอันตรายกับกระจกตาของคนไข้ครับ
รับรองได้ว่าดวงตาคู่สวยของคุณจะปลอดภัยครับหลังจากนั้นแพทย์จะทำการฉีดยาชาบริเวณเปลือกตาด้านล่างให้กับคนไข้ รอยาชาออกฤทธิ์ หลังจากนั้นแพทย์จะเริ่มทำหัตถการครับ
5. ขั้นตอนการผ่าตัด และ ปิดปากแผล : ขั้นตอนการผ่าตัดถุงใต้ตาแบบไร้รอยแผล จะใช้เวลาโดยประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในแต่ละเคสครับ
โดยแพทย์จะผ่านำไขมันใต้ตาออกจากเยื่อบุตาด้านใน และ จัดเรียงไขมันให้อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม หลังจากนั้นจะทำการเย็บปิดปากแผลให้กับคนไข้ เป็นไหมละลาย ไม่ต้องตัดไหมครับ
6. ติดตามผล : หลังจากนี้คนไข้ก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ครับ รอเข้าที่ เทคนิคนี้จะไม่บวมช้ำมากครับ โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้เอง บางท่านทำเสร็จไปไม่ช้ำและเข้าที่ไวมากก็มีครับ
อย่างไรก็ตามแนะนำให้ดูแลตนเองเป็นอย่างดี พักผ่อนเยอะ ๆ ทานยาตามแพทย์สั่ง หลังจากนั้นก็มานัดติดตามผลกันครับ ว่าทำไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เฉลี่ยการหายของแต่ละท่านจะอยู่ที่ 1-2 สัปดาห์ครับ
ข้อเสียที่พบได้บ่อยคือการนำไขมันใต้ตาออกเยอะมากจนเกินไปครับ ทำให้เกิดการยุบตัวจนใต้ตาลึก สิ่งที่ผมอยากให้คนไข้ให้ความสำคัญก่อนการผ่าตัดถุงใต้ตา หรือ ทำหัตถการใด ๆ ก็ตามก็คือการศึกษาให้ดีถึงข้อดี ข้อเสียครับ
เพราะว่าอาจจะเปลี่ยนจากผลลัพธ์ที่อยากให้หน้าดูอ่อนเยาว์ กลายเป็นดูแก่ขึ้นได้ครับ ผมอยากให้คนไข้แก้ปัญหา แล้วจบครับ ไม่ใช่ต้องไปตามแก้ต่อที่อื่น
การเลือกแพทย์ที่ชำนาญบริเวณรอบดวงตา หรือ ศัลยกรรมตกแต่ง มีความชำนาญ และ ประสบการณ์สูง รวมถึงการเลือกคลินิกให้ดีก่อนตั้งแต่แรกถือว่ามีความสำคัญมากครับ
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดถุงใต้ตาปฏิบัติง่ายมากครับ ท่านที่มีโรคประจำตัวควรเตรียมข้อมูลทั้งเรื่องโรคที่เป็น และ เรื่องยาที่แพ้ ยาที่รับประทานอยู่ให้แพทย์ทราบในวันที่ทำการปรึกษาครับ เนื่องจากยาบางชนิด หรือ บางโรค อาจมีผลต่อการทำการผ่าตัดได้ครับ
” เทคนิคนี้แผลหายไวมาก หากปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดจะใช้เวลาพักฟื้นน้อย แผลหายไวครับ ถือว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะกับวัยทำงานมากครับ “
First Clinic ฟิลเลอร์รอบดวงตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ