โบท็อกซ์ คืออะไร ฉีดได้แค่ไหน ถือว่าปลอดภัย??

โบท็อกซ์คืออะไร ฉีดแค่ไหนถือว่าปลอดภัย

เคยสงสัยไหมว่าทำไมดาราและเซเลบหลายคนถึงดูหน้าเด็กและผิวตึงกระชับตลอดเวลา?  ทั้งๆ ที่อายุเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ทำไมริ้วรอยกลับไม่มีให้เห็นเลย! หนึ่งในเคล็ดลับยอดฮิตที่ช่วยให้พวกเขาดูอ่อนเยาว์ก็คือ “โบท็อกซ์” นั่นเอง

แต่เดี๋ยวก่อน! หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่าโบท็อกซ์กันมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร และที่สำคัญ…มันปลอดภัยหรือเปล่า? โบท็อกซ์ไม่ได้มีดีแค่ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก แก้ปัญหาหน้าบานจากกล้ามเนื้อกราม และแม้แต่ลดเหงื่อที่รักแร้ได้อีกด้วย!

แล้วโบท็อกซ์เหมาะกับใครบ้าง? ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน? มีข้อควรระวังอะไรที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีด? ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีทำให้ใบหน้าดูเด็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น โดยไม่ต้องศัลยกรรม บทความนี้มีคำตอบให้คุณครบจบ! มาทำความรู้จักโบท็อกซ์แบบละเอียดกันเลย!

โบท็อกคืออะไร

โบท็อกซ์คืออะไร ฉีดแค่ไหนถือว่าปลอดภัย

โบท็อกซ์ (Botox) คือสารบริสุทธิ์สกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดเข้ากล้ามเนื้อใบหน้า จะช่วยลดริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น เหตุผลที่หลายคนนิยมฉีดโบท็อกซ์ก็เพราะเป็นวิธีที่รวดเร็ว เห็นผลชัดเจน และไม่ต้องผ่าตัด

ทำไมต้องฉีดโบท็อกซ์?

โบท็อกซ์คืออะไร ฉีดแค่ไหนถือว่าปลอดภัย
  • ลดริ้วรอย  ช่วยให้หน้าดูเด็กลง ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว หน้าผาก และหางตา (ตีนกา)
  • ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ลดกราม ทำให้หน้าเรียวโดยไม่ต้องศัลยกรรม
  • ลดริ้วรอยที่คอและลำตัว ไม่ใช่แค่หน้า แต่โบท็อกซ์ยังช่วยให้ลำคอดูเต่งตึงขึ้นด้วย
  • ลดเหงื่อและกลิ่นตัว  ฉีดบริเวณรักแร้ เพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อ
  • ลดอาการออฟฟิศซินโดรม  ช่วยบรรเทาอาการปวดออฟฟิศซินโดรม

ปริมาณโบท็อกซ์ที่เหมาะสมต่อการฉีด

โบท็อกซ์คืออะไร ฉีดแค่ไหนถือว่าปลอดภัย

การฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละจุดจะมี ปริมาณยูนิท(unit)ที่เหมาะสม แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ สภาพผิว และ ปัญหาที่ต้องการแก้ไข ซึ่งปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ในแต่ละจุดจะถูกปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ละจุดที่นิยมฉีดโบท็อกซ์มีปริมาณที่แนะนำดังนี้

หน้าผาก (Horizontal Forehead Lines)

  • ปริมาณที่แนะนำ: 10-20 ยูนิท(unit)
  • ใช้ลดรอยย่นบนหน้าผากจากการแสดงอารมณ์หรือการยิ้ม

รอยขมวดคิ้ว (Glabellar Lines / Frown Lines)

  • ปริมาณที่แนะนำ: 20-30 ยูนิท (unit)
  • จุดนี้มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อค่อนข้างเยอะ ดังนั้นการฉีดจะต้องใช้ปริมาณมากกว่าบริเวณอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

หางตา / รอยตีนกา (Crow’s Feet)

  • ปริมาณที่แนะนำ: ข้างละ 6-12 ยูนิท (unit)
  • รอยตีนกาเกิดจากการยิ้มและการแสดงอารมณ์ ทำให้ต้องใช้โบท็อกซ์ในปริมาณที่พอเหมาะ
  • ปริมาณที่แนะนำ: ข้างละ 6-12 ยูนิท (unit)
  • รอยตีนกาเกิดจากการยิ้มและการแสดงอารมณ์ ทำให้ต้องใช้โบท็อกซ์ในปริมาณที่พอเหมาะ

กราม (Masseter / Jawline)

  • ปริมาณที่แนะนำ: ข้างละ 20-30 ยูนิท (unit)
  • ใช้สำหรับลดขนาดของกล้ามเนื้อกรามเพื่อทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น

คิ้วตก (Brow Lift)

  • ปริมาณที่แนะนำ: ข้างละ 4-6 ยูนิท (unit)
  • การฉีดในจุดนี้ช่วยยกคิ้วให้ดูสวยยิ่งขึ้น โดยการคลายกล้ามเนื้อที่ดึงคิ้วลง

เหงือกยิ้ม (Gummy Smile)

  • ปริมาณที่แนะนำ: ข้างละ 2-4 ยูนิท (unit)
  • ช่วยลดการแสดงเหงือกมากเกินไปเมื่อยิ้ม ทำให้ยิ้มสวยงามขึ้น

รอยย่นที่จมูก (Bunny Lines)

  • ปริมาณที่แนะนำ: 4-6 ยูนิท (unit)
  • ใช้ลดรอยย่นที่เกิดจากการขมวดจมูก

 คอ (Neck Bands / Platysmal Bands)

  • ปริมาณที่แนะนำ: 20-40 ยูนิท (unit)
  • สำหรับผู้ที่มีส้นกล้ามเนื้อที่คอชัดเจนหรือหย่อนคล้อย สามารถช่วยให้ดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น

กรอบหน้า (Jawline Contouring)

  • ปริมาณที่แนะนำ: ข้างละ 20-30 ยูนิท (unit)
  • ช่วยปรับกรอบหน้าให้เรียวขึ้นด้วยการคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้หน้าออกเป็นเหลี่ยม

อันตรายหากฉีดโบท็อกซ์เกินปริมาณ

แม้ว่าโบท็อกซ์จะมีความปลอดภัยสูงหากฉีดในปริมาณที่เหมาะสมและดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น

ใบหน้าอ่อนแรง

การฉีดโบท็อกซ์มากเกินไปอาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแรงเกินความจำเป็น ส่งผลให้การแสดงออกทางสีหน้าดูลดลง เช่น ยิ้มได้น้อยลงหรือขยับหน้าไม่เป็นธรรมชาติ

ตาตก

หากฉีดโบท็อกซ์ใกล้บริเวณดวงตาเกินไป อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแรง ทำให้ตาดูตกหรือดูเหนื่อยล้า

คิ้วตก

เกิดจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากถูกทำให้คลายตัวมากเกินไป ทำให้คิ้วดูต่ำลงหรือทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส

อาการแพ้

แม้ว่าโบท็อกซ์จะมีความปลอดภัย แต่บางคนอาจมีอาการแพ้ เช่น บวม แดง หรือคันบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาจเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารที่ฉีดเข้าไป

การฉีดโบท็อกซ์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

ต้องเว้นระยะการฉีดโบท็อกซ์นานแค่ไหน?

โบท็อกซ์ไม่ใช่การรักษาถาวร ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์จะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพผิว อายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน เมื่อครบระยะเวลานี้ กล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับมาทำงานตามปกติ และริ้วรอยอาจกลับมาเห็นชัดอีกครั้ง

การฉีดโบท็อกซ์ควรทำเป็นระยะ โดยทั่วไป แพทย์แนะนำให้เว้นระยะห่าง อย่างน้อย 3 เดือน ก่อนฉีดซ้ำในบริเวณเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อโบท็อกซ์ ซึ่งอาจทำให้การฉีดครั้งต่อๆ ไปไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

เปลี่ยนหมอหรือยี่ห้อโบท็อกซ์บ่อยได้ไหม?

การเปลี่ยนแพทย์หรือยี่ห้อโบท็อกซ์บ่อยๆ อาจมีข้อเสียที่หลายคนคาดไม่ถึง เช่น

ผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ แพทย์แต่ละคนมีเทคนิคการฉีดที่แตกต่างกัน ดังนั้นหากเปลี่ยนหมอบ่อยๆ อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่สม่ำเสมอ เช่น คิ้วข้างหนึ่งสูงกว่าอีกข้าง หรือกล้ามเนื้อบางส่วนทำงานมากกว่าปกติ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ยี่ห้อโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีความเข้มข้นและคุณสมบัติที่ต่างกัน หากเปลี่ยนยี่ห้อโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจเกิดปฏิกิริยาหรืออาการแพ้ที่ไม่คาดคิด

ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน หากเปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์บ่อยๆ อาจทำให้ร่างกายเกิดการดื้อโบท็อกซ์ ส่งผลให้การฉีดครั้งต่อๆ ไปไม่เห็นผลเท่าที่ควร

หากต้องการเปลี่ยนหมอหรือยี่ห้อโบท็อกซ์ ควรแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดครั้งก่อนๆ ให้แพทย์ทราบเสมอ เพื่อให้สามารถวางแผนการฉีดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล?

ทำไมฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผล

มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้คุณฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง เช่น

  • ปริมาณโบท็อกซ์ไม่เพียงพอ หากใช้ปริมาณที่น้อยเกินไป อาจไม่สามารถคลายกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ริ้วรอยยังคงอยู่
  • เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง การฉีดโบท็อกซ์ต้องอาศัยเทคนิคที่แม่นยำ หากฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้โบท็อกซ์กระจายตัวไม่ทั่วถึง
  • เลือกจุดฉีดไม่เหมาะสม การฉีดโบท็อกซ์ต้องพิจารณาโครงสร้างกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล หากเลือกจุดฉีดไม่ตรงจุด อาจทำให้เห็นผลน้อยกว่าที่ควร
  • ร่างกายตอบสนองแตกต่างกัน บางคนอาจต้องใช้เวลา 7-14 วันกว่าจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ในขณะที่บางคนอาจมีการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโบท็อกซ์ ทำให้เห็นผลน้อยลง

หากฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุและหาทางแก้ไขที่เหมาะสม

วิธีฉีดโบท็อกซ์อย่างปลอดภัย

เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน: เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีเครื่องมือที่ทันสมัย

ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด: สอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของแพทย์ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และการดูแลหลังการฉีด

จดบันทึก: จดรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีด เช่น จุดที่ฉีด ยี่ห้อโบท็อกซ์ วันที่ฉีด ปริมาณที่ฉีด เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามผลและปรึกษาแพทย์ในครั้งต่อไป

สรุป โบท็อกซ์ คืออะไร ฉีดได้แค่ไหน ถือว่าปลอดภัย??

หากคุณต้องการฉีดโบท็อกซ์ ให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติและปลอดภัย การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญมาก First Clinic เป็นคลินิกความงามที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประเมินเคสแบบ Case by Case เพื่อออกแบบการฉีดที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคล

ใช้โบท็อกซ์แท้ 100% ได้รับการรับรองจาก อย.ทีมแพทย์มากประสบการณ์ ฉีดด้วยเทคนิคเฉพาะ ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง คลินิกสะอาด ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ

หากคุณต้องการมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ First Clinic พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณทุกขั้นตอน ปรึกษาฟรีวันนี้ แล้วพบกับความเปลี่ยนแปลงที่คุณจะต้องประทับใจ!